ชายขับรถทัวร์ไม่มีทางออก ’ประกาศขายดวงตา’ รู้ว่าผิดแต่เพื่ออีกหลายชีวิตต้องรอด

ภูเก็ต - สืบเนื่องจากเพจดังภูเก็ตโพสต์เคสสะเทือนใจ ชายอาชีพขับรถทัวร์เจอพิษโควิดเล่นงาน โพสต์เศร้ายอมแลกดวงตาเพื่อเงิน หวังมาต่อลมหายใจครอบครัว

เอกภพ ทองทับ

วันจันทร์ ที่ 18 มกราคม 2564, เวลา 19:10 น.

สำหรับโพสต์ดังกล่าวนับว่าเป็นโพสต์สะเทือนใจ ที่ได้รับการแชร์จากเพจดังภูเก็ต โดยพบว่ามีผู้โพสต์ข้อความ ประกาศขายดวงตาของตนเองหนึ่งข้าง พร้อมกับระบุว่า ทราบดีว่าผิดกฎหมาย แต่ความจนไม่ปราณีใคร เนื่องจากมีภาระต้องดูแลคนในครอบครัว ส่งหลานเรียนจนสุดความสามารถ และขอให้อย่าว่ากัน เพราะชีวิตเรานั้นไม่เหมือนกัน

วันนี้ (18 ม.ค.64) ผู้สื่อข่าวเดินทางลงพื้นที่ไปพบกับลุงที่ประกาศขายดวงตาผ่านเพจดัง อยู่บ้านเลขที่ 69/238 หมู่บ้านเจ้าฟ้าการ์เด้นโฮม ม.1 ตำบลฉลอง อำเภอเมือง จังหวัดภูเก็ตพบ นายทวีป มีพันธ์ กล่าวว่า ตนหมดหนทางไปแล้ว มีอยู่ทางเดียว ทั้ง ๆ ที่รู้ว่าผิดแต่จำใจต้องทำ ซึ่งการประกาศขายดวงตาหนึ่งข้างตนประกาศขายจริง ทุกวันนี้ตนไม่มีงานทำ ตกงานตั้งแต่โควิดรอบแรกที่ผ่านมา ตนขับรถให้กับบริษัททัวร์แห่งหนึ่งในจังหวัดภูเก็ต แต่ไม่มีนักท่องเที่ยวตนไม่มีงานทำมานานแล้วจะมีบ้างก็นาน ๆ ซักหนึ่งเที่ยวค่าใช้จ่ายเยอะกว่ารายรับ

“ครอบครัวมีอยู่กัน 3 คน มีตนภรรยาและหลานชาย ซึ่งกำลังเรียนอยู่ ม.5 การเรียนเขาดีมาก เกรดเฉลี่ย 3.7 กว่า โตขึ้นเขาอยากเป็นข้าราชการ เขาบอกว่าถ้าเป็นราชการได้เงินเดือนจะเอามาเลี้ยงดูตากับยาย นี่แหละที่ทำให้ตนต้องสู้เพื่อคนในครอบครัว ตกงานมานานค่าเช่าบ้านเดือนละ 5,000 แต่จ่ายได้เดือนละ 1,000 กว่าบาทไม่เกิน 2,000 มีก็จ่ายไม่มีก็ไม่ได้จ่ายเพราะไม่มีจริง ๆ เจ้าของบ้านเขารู้อยู่” นายทวีป กล่าว

“เวลานี้ไม่รู้ว่าจะไปพึ่งใครเจ้าของบ้านเขาก็ใจดี มีก็ให้ไม่มีก็ไม่ต้องให้ ทุกคนเข้าใจกันหมด ส่วนแม่ของหลานเขาก็แยกไปมีครอบครัวใหม่ มีลูกอีก2คน ทุกคนมีภาระรับผิดชอบ ลูกมีมีทั้งหมดด้วยกัน 3 คน แต่ละคนก็มีการมีงานทำแต่ต้องรับผิดชอบเลี้ยงดูครอบครัวกันทั้งนั้น”
ด้านนายโกวิทย์ สุดใจ อายุ 38 ปี เจ้าของบ้านกล่าวว่า ตนเป็นทั้งเพื่อนบ้านเป็นทั้งเจ้าของบ้าน

“ตอนนี้ลุงแกไม่มีรายได้เลย แต่ก็ไม่ได้เก็บค่าเช่าบ้านจากแก แม้ว่าส่วนตัวจะมีภาระหนี้สินที่ต้องผ่อนธนาคารแต่จะทำยังไง ในเมื่อคนมันไม่มี ทราบจากโซเชียลว่า ลุงแกประกาศขายดวงตาหนึ่งข้าง รู้สึกตกใจมาก ตอนนี้มีข้าวมีอาหารมีไข่ไก่ก็มาแบ่งปันกันมีน้อยก็ให้น้อย มีมากก็ให้มากช่วย ๆ กันไปก่อน”

นางแก้วมนี มีพันธ์ ภรรยาลุงทวีป กล่าวทั้งน้ำตาว่า “ไม่คิดว่าสามีจะบ้าประกาศขายดวงตา คิดแล้วก็สงสารเพราะรายได้มาจากสามีเพียงคนเดียวเท่านั้น ไม่ว่าจะเป็นค่าบ้านค่าอาหาร ค่าใช้จ่ายในครอบครัวและค่าเทอมของหลานชาย อีกไม่กี่วันข้างหน้าโรงเรียนที่หลานชายเรียนอยู่ก็จะเปิดแล้วตนยังไม่มีเงินสักบาท ที่จะไปจ่ายค่าเทอมให้หลานชายเลย หลานเรียนอยู่ ม.5 หลานเรียนเก่งมาก แต่ตากับยายไม่รู้ว่าจะหาเงินที่ไหนไปจ่ายค่าเทอมให้หลานเครียดมากสงสารสามีด้วย”

ด้านนายธรภัทร มีพันธ์ อายุ 17 ปี หลานชาย กล่าวว่า ตนก็ตกใจเหมือนกันคุณครูที่โรงเรียนโทรมาบอกว่า ทราบหรือไม่ว่าคุณตาได้ประกาศขายดวงตาหนึ่งข้าง เพื่อให้ตนได้เรียนหนังสือ

“ไม่นึกว่าตาจะทำอย่างนั้นจริง ๆ แต่ถ้าตาทำอย่างนั้นจริงตนในฐานะหลานก็ไม่ทราบเหมือนกันว่าจะช่วยตาได้อย่างไร และเสียใจที่ไม่สามารถช่วยอะไรครอบครัวได้” เขากล่าว

นายสุรพล ศิลป์สวัสดิ์ 42 ปี เพื่อนบ้าน กล่าวว่า ตนเป็นลูกจ้างบริษัท มีปัญหามากตั้งแต่โควิดรอบแรกมาจนถึงรอบที่ 2 ผู้ประกันตนทุกคนติดมาตรา 33 ทั้งสิ้น รัฐบาลไม่ได้ช่วยอะไรได้เลย พวกเราต้องกินต้องใช้ ต้องมีค่าใช้จ่ายค่าน้ำ ค่าไฟ จะเข้าร่วมโครงการเราไม่ทิ้งกันก็ไม่ได้ งานไม่มีทำแต่ไม่ได้รับการดูแลเหมือนกลุ่มอื่นเขา อยากจะให้รัฐบาลเหลียวกลับมาดูผู้ประกันตนที่ติดมาตรา 33 ด้วย

 

 

แจ้งข่าว..คลิกที่นี่