จากกรณี เกิดเหตุก๊าซแอมโมเนีย โรงงานผลิตน้ำแข็งและน้ำดื่มในพื้นที่ ต.ราไวย์ รั่วไหลซ้ำซ้อนเป็นบริเวณกว้าง เมื่อช่วงเช้ามืดของวันที่ 5 ก.ค. ที่ผ่านมา ส่งผลให้มีชาวบ้านหลายรายมีอาการแสบตาหายใจไม่ออก ก่อนที่เจ้าหน้าที่สามารถควบคุมสถานการณ์เอาไว้ได้ (อ่านเพิ่มเติม คลิก)
ต่อมาสำนักงานอุตสาหกรรมจังหวัดภูเก็ต ออกคำสั่งหยุดประกอบกิจการโรงงาน ลงวันที่ 9 ก.ค. 62 ให้ผู้ประกอบการหยุดการประกอบกิจการโรงงานบางส่วน เพื่อทำการซ่อมแซมในส่วนที่เสียหาย และห้ามคนงานหรือผู้ที่เกี่ยวข้องทุกคนทำงานในโรงงาน ฝ่าฝืนต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสองปี หรือปรับไม่เกินสองแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และให้ปรับอีกวันละห้าพันบาท จนกว่าจะหยุดประกอบกิจการ (อ่านเพิ่มเติม คลิก)
ล่าสุดเทศบาลตำบลราไวย์ได้เชิญชาวบ้านเข้าร่วมทำประชาพิจารณ์ ณ ศาลาการเปรียญวัดสว่างอารมณ์ ตั้งแต่เวลาประมาณ 18.00 น. เรื่อยไปจนถึงประมาณ 20.00 น. โดยมีตัวแทนจากสำนักงานอุตสาหกรรมภูเก็ต อำเภอ เทศบาล สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค และผู้จัดการโรงงานน้ำแข็ง เข้าร่วม
ในที่ประชุมได้มีตัวแทนชาวบ้านอีกหลายราย ตั้งคำถามถึงความปลอดภัยในชุมชน ความรับผิดชอบต่อผู้บาดเจ็บ และมาตรการป้องกันที่จะไม่ให้เหตุการณ์ซ้ำซ้อนนี้เกิดขึ้นมาอีก รวมถึงผู้อำนวยการโรงเรียนวัดสว่างอารมณ์ ในฐานะพ่อของเด็กนักเรียนกว่าเก้าร้อยชีวิต ที่มีห้องเรียนอยู่ใกล้ชิดกับโรงงาน และคุณยายวัยเก้าสิบกว่าปีผู้ซึ่งอาศัยอยู่ในพื้นที่แห่งนั้น
“เป็นครั้งแรกที่ได้เห็นน้ำตาของคุณยายอายุกว่า 94 ปี คุณยายท่านอาศัยอยู่ใกล้โรงงานแห่งนั้น ชุมชนที่มีอายุยาวนานกว่า 300 ปี ผู้คนในท้องถิ่นอายุยืนนานมาทุกรุ่น” ชาวบ้านราไวย์รายหนึ่งกล่าวกับ ข่าวภูเก็ต
โอกาสนี้ ตัวแทนบริษัท แฮปปี้ คริสตัล จำกัด ได้ยืนยันกับชาวบ้านว่า ขณะนี้กำลังดำเนินการจัดเตรียมสถานที่ภายในโรงงาน เพื่อให้พร้อมกับการติดตั้งเครื่องจักรตัวใหม่ ซึ่งเป็นระบบฟรีออนโดยใช้สารทำความเย็น R22 ที่ทางโรงงานได้สั่งไปและจะนำมาใช้ทดแทนระบบแอมโมเนียเดิม
นายประฎิษฐ์ ทองรักษ์วยุกุล ผู้จัดการโรงน้ำแข็งคริสตัล ยืนยันกับ ข่าวภูเก็ต ว่า หากเกิดเหตุการณ์ก๊าซแอมโมเนียรั่วไหลอีกแม้แต่ครั้งเดียวจะยินดีปิดโรงงาน จนกว่าการติดตั้งระบบใหม่ซึ่งเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ที่ทางบริษัทลงทุนไป 30 กว่าล้านบาทเสร็จเรียบร้อย ซึ่งคาดว่าจะแล้วเสร็จภายในระยะเวลาประมาณ 3 เดือนต่อจากนี้
ทั้งนี้ ในที่ประชุมตัวแทนจากหน่วยงานราชการได้ให้คำมั่นกับชาวบ้านว่าจะ ดูแลควบคุมการการดำเนินงานของโรงงานแห่งนี้ อย่างใกล้ชิด ซึ่งหากเกิดความผิดพลาดจะทำการบังคับใช้กฎหมายอย่างเต็มที่ต่อไป เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับชาวบ้าน รวมทั้งเปิดโอกาสให้ชาวบ้านได้ร่วมในการตรวจสอบโรงงานอีกด้วย
“คำถามที่ว่าทางโรงงานจะชดใช้และเยียวยา ชาวบ้านที่ได้รับความเสียหายทางสุขภาพและบาดเจ็บกว่าหกสิบรายอย่างไร ก็หายไปในบรรยากาศชื่นมื่นหลังการประชุม ที่ได้ปิดตัวลง ณ เวลาสองทุ่มเก้านาที เบื้องหน้าหลวงพ่อองค์ขาวแห่งวัดราไวย์ ก็ได้แต่หวังว่านักการเมืองท้องถิ่นที่นั่งเก้าอี้แถวหน้าทั้งหมด จะคำนึงถึงดวงหน้าและแววตา ของผู้เฒ่าผู้แก่และลูกหลาน ชาวบ้านชุมชนรอบวัดราไวย์ทุกคน เพื่อการสอดส่องดูแลและเฝ้าระวังภัยในอนาคตต่อจากนี้ไป” ชาวบ้านราไวย์รายหนึ่งกล่าวกับ ข่าวภูเก็ต