พร้อมให้ความเห็นว่าเหตุการณ์นี้เป็นตัวอย่างสำหรับเจ้าของสัตว์เลี้ยงให้เลี้ยงอย่างมีความรับผิดชอบ เพราะการทิ้งสุนัขและแมวนั้นมีความผิดและเจ้าหน้าที่สามารถดำเนินการตามกฎหมายได้ วอนให้ประชาชนช่วยเป็นหูเป็นตาและแจ้งเหตุหากพบการกระทำผิด
ซอยด๊อกเปิดเผยกับ ข่าวภูเก็ต ว่า เมื่อวันเสาร์ที่ 19 ก.ย. ที่ผ่านมา ได้มีชายชาวต่างชาติขับรถกระบะพร้อมสุนัขพันธุ์พิทบูลที่หลังรถเข้ามาที่มูลนิธิฯ โดยกล้องวงจรปิดสามารถบันทึกภาพเหตุการณ์ชายคนนี้ปลดสายจูงสุนัขออก จากนั้นสุนัขได้กระโดดลงจากรถและได้ขับรถออกไปทันที โดยที่สุนัขนั้นพยายามวิ่งตามรถ เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ของมูลนิธิฯ ได้ดูแลสุนัขไว้เพื่อไม่ให้เกิดอุบัติเหตุรถชน
ภายหลังเกิดเหตุมูลนิธิฯ ได้ดำเนินการแจ้งความที่สถานีตำรวจท่าฉัตรไชย และต่อมาสามารถติดตามตัวนายอาร์มาดำเนินคดี ภายใต้พระราชบัญญัติป้องกันการทารุณกรรมและการจัดสวัสดิภาพสัตว์ พ.ศ. 2557 ซึ่งเจ้าตัวยอมรับผิดและให้ข้อมูลตามจริงแก่เจ้าหน้าที่ โดยได้เสียค่าปรับเป็นเงินสด 2,000 บาท พร้อมทั้งได้ทำการบันทึกประวัติอาชญากรรมไว้แล้ว
นายจอห์น ดัลลียส์ (MBE) ผู้ก่อตั้งมูลนิธิฯ แจ้งว่านายอาร์ได้ส่งอีเมลเพื่อขอประณีประนอม โดยกล่าวว่าการกระทำของตนนั้นเป็นเพราะอารมณ์ชั่ววูบที่ขาดสติ โดยไม่เคยถามไถ่ถึงความเป็นอยู่สุนัขของตนเลย “กล้องวงจรปิดสามารถระบุได้ชัดเจนว่าการทิ้งสุนัขนั้นมีการวางแผนมาล่วงหน้า หากรู้เท่าไม่ถึงการณ์จริง ๆ อย่างน้อยก็ต้องอยากรู้ว่าสุนัขนั้นเป็นตายร้ายดีอย่างไรบ้าง แต่นี่ไม่มีเลย”
พระราชบัญญัติป้องกันการทารุณกรรมและการจัดสวัสดิภาพสัตว์ พ.ศ. 2557 หมวด 6 มาตรา 23 ห้ามมิให้เจ้าของสัตว์ปล่อย ละทิ้ง หรือกระทำการใด ๆ ให้สัตว์พ้นจากการดูแลของตนโดยไม่มีเหตุอันสมควร มีโทษปรับไม่เกิน 40,000 บาท ซึ่งจากการตัดสินคดีนี้นายจอห์นให้ความเห็นว่าเป็นบทลงโทษที่ค่อนข้างเบา ซึ่งมูลนิธิฯ มีค่าใช้จ่ายในการดูแลสุนัข อยู่ที่เฉลี่ย 2,700 บาทต่อสุนัขหนึ่งตัวต่อเดือน แต่ตนก็ยินดีที่มีการดำเนินคดีอย่างเป็นรูปธรรมและมีบทลงโทษแก่ผู้กระทำผิดชัดเจน
“หากเจ้าของสัตว์เลี้ยงมีเหตุผลที่จำเป็นจริง ๆ และไม่สามารถดูแลสัตว์เลี้ยงได้อีกต่อไป มูลนิธิฯ ก็ยินดีให้คำปรึกษาและพูดคุยเพื่อหาทางออกร่วมกัน แต่การปล่อยทิ้งสุนัขท่ามกลางฝนตก และขับรถหนีเช่นนี้เป็นการกระทำที่ไร้ความรับผิดชอบของผู้เลี้ยง” นายจอห์น กล่าว