'ซูจี' ยืนยันปกป้องชาวยะไข่ทุกคน หลังมาลาลาวอนช่วยเหลือโรฮีนจา ชี้มีผู้ปล่อยข่าวเท็จเข้าข้างผู้ก่อการร้าย

มาลาลา ยูซาฟไซ เจ้าของรางวัลโนเบลเรียกร้องให้ 'ซูจี' ออกมาหยุดความรุนแรงที่เกิดขึ้นกับชาวโรฮีนจา

โพสต์ทูเดย์

วันพฤหัสบดี ที่ 7 กันยายน 2560, เวลา 11:22 น.

รายงานข่าวการสังหารชาวมุสลิมโรฮีนจาในรัฐยะไข่ของกองทัพเมียนมา และภาพชาวโรฮีนจารวมทั้งเด็กและผู้สูงอายุเข้าแถวยาวเหยียดเพื่อเตรียมข้ามพรมแดนไปยังบังกลาเทศสร้างความไม่พอใจเป็นวงกว้าง ลามไปถึงการวิพากษ์วิจารณ์ อองซาน ซูจีมุขมนตรีแห่งรัฐ จากคนดังและผู้นำประเทศมุสลิมในเอเชีย โดยนับตั้งแต่เกิดเหตุรุนแรงเมื่อเดือนที่ผ่านมา ซูจียังเก็บตัวเงียบไม่แสดงความคิดเห็นใดๆ

มาลาลา ยูซาฟไซ เจ้าของรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพที่อายุน้อยที่สุด ทวีตข้อความเรียกร้องให้ออง ซาน ซูจี ประณามการกระทำที่น่าอับอายต่อชาวโรฮีนจา โดยมาลาลาเผยว่า หลายปีที่ผ่านมาตัวเธอเองประณามการกระทำที่โหดร้ายทารุณต่อมนุษย์ด้วยกันหลายครั้ง และครั้งนี้เธอหวังว่าอองซาน ซูจี จะแสดงท่าทีเช่นเดียวกับเธอบ้าง เพราะผู้คนทั้งโลกและชาวโรฮีนจากำลังรอให้มุขมนตรีแห่งเมียนมาออกมาแสดงความเห็นต่อกรณีดังกล่าว

ด้าน บอริส จอห์นสัน รมต.ต่างประเทศอังกฤษ เตือนซูจีว่า การใช้ความรุนแรงกับชนกลุ่มน้อยในรัฐยะไข่จะทำลายชื่อเสียงของเมียนมา โดยเขาหวังว่าซูจีจะใช้บุคลิกความเป็นผู้นำที่โดดเด่นของตัวเองหยุดความรุนแรงและอคติที่สร้างความเดือดร้อนให้กับทั้งชาวมุสลิมและชนกลุ่มน้อยอื่นในรัฐยะไข่ โดยยังระบุอีกว่ากองทัพเมียนมาต้องให้การสนับสนุนซูจีด้วย

ทางด้านสำนักข่าวบีบีซีได้รายงานว่า - นางอองซาน ซูจี มนตรีแห่งรัฐและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศเมียนมา กล่าวว่า รัฐบาลของเธอพยายามเป็นอย่างดีที่สุดในการปกป้องประชาชนทุกคน ในรัฐยะไข่ ขณะเดียวกัน เธอขอให้ทุกฝ่ายรับข่าวสารด้วยความระมัดระวัง เนื่องจากในตอนนี้มีผู้ไม่ประสงค์ดีเจตนาเผยแพร่ข้อมูลเท็จเกี่ยวกับสถานการณ์ในรัฐยะไข่ ไม่ใช่เพียงแต่เพื่อสร้างความเข้าใจอันคลาดเคลื่อนให้แก่ประชาชน แต่ยังหวังเป็นการปลุกระดมให้วิกฤติครั้งนี้บานปลายด้วย

"เรารู้ดียิ่งกว่าใคร ๆ ว่าการถูกละเมิดสิทธิมนุษยชนและไม่ได้รับการปกป้องตามระบอบประชาธิปไตยนั้นเป็นอย่างไร ดังนั้นเราจึงต้องแน่ใจว่าทุกคนในประเทศของเราได้รับการปกป้องสิทธิที่พึงมี ซึ่งไม่ใช่แค่สิทธิทางการเมือง แต่รวมถึงสิทธิที่จะได้รับการปกป้องทางสังคมและมนุษยธรรมด้วย" นางซูจีกล่าว

ทั้งนี้  นับตั้งแต่เกิดเหตุความขัดแย้งในรัฐยะไข่ตลอดช่วง สองสัปดาห์ที่ผ่านมา มีชาวโรฮิงญาถึง 125,000 คนแล้วที่ต้องอพยพหนีภัยการสู้รบและเหตุรุนแรงในรัฐยะไข่เข้าไปในบังกลาเทศ โดยนับตั้งแต่เกิดความไม่สงบระหว่างกลุ่มโรฮีนจากับกองกำลังทหารเมียนมานั้น รัฐบาลของนางซูจี ได้รับแรงกดดันจากนานาชาติมาโดยตลอด รวมทั้งเสียงวิพากษ์วิจารณ์ถึงท่าทีที่นิ่งเฉยของเธอต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น มีหลายคนเรียกร้องให้ริบรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพที่ได้มอบให้เธอไปคืนกลับมา

ขณะที่ชาติมุสลิมในเอเชียตะวันออกก็พากันแสดงความกังวลต่อปัญหาชนกลุ่มน้อยทางตอนเหนือของเมียนมาเช่นกัน อาทิ ประธานาธิบดี โจโก วิโดโด ของอินโดนีเซีย เรียกร้องให้เมียนมายุติปัญหาด้านสิทธิมนุษยชนต่อชาวโรฮีนจาโดยเร็ว ส่วน เรตโน มาร์ซูดี รมต.ต่างประเทศอินโดนีเซีย ที่เข้าหารือกับ มินอ่องหล่าย ผบ.ทบ.ของเมียนมา เรียกร้องให้กองทัพยุติความขัดแย้งในพื้นที่รัฐยะไข่

ส่วน คาวาชา มูฮัมหมัด อาซิฟ รมต.ต่างประเทศปากีสถาน กังวลว่าจำนวนผู้เสียชีวิตและคนไร้บ้านอาจจะเพิ่มขึ้นอีก นอกจากนี้ ยังเรียกร้องให้ทางการเมียนมาสอบสวนการกระทำโหดร้ายต่อชาวโรฮีนจาโดยเร็ว

ทั้งนี้ จากรายงานขององค์การสหประชาชาติ (UN) พบว่า นับตั้งแต่เกิดเหตุมีชาวโรฮีนจาหลบหนีความรุนแรงเข้าประเทศบังกลาเทศแล้วเกือบ 90,000 คน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นผู้หญิงและเด็ก ส่งผลให้ที่พักอาศัยชั่วคราวที่ทางการบังกลาเทศจัดไว้เริ่มแออัด ขณะที่ทางการบังกลาเทศสั่งเพิ่มความเข้มงวดบริเวณพรมแดนเมียนมา ทว่า ด้วยจำนวนผู้อพยพที่มากมาย ทำให้ไม่สามารถปิดกั้นพรมแดนได้ 

 

 

แจ้งข่าว..คลิกที่นี่