ดื้อตาใส ชาวเลราไวย์ขวางเจ้าหน้าที่รื้อบ้าน หลังศาลฎีกาสั่งคืนที่ดินให้เจ้าของสิทธิ์

เจ้าของที่ดินถาม 'หากกฎหมายบังคับไม่ได้ ต่อไปโฉนดจะมีคุณค่าอะไร'

สุธิชา สิริรัตน์

วันพฤหัสบดี ที่ 23 กุมภาพันธ์ 2560, เวลา 16:34 น.

ภาพโดย สุธิชา สิริรัตน์

ภาพโดย สุธิชา สิริรัตน์

เมื่อเวลา 10.30 น.วันนี้(23 ก.พ.) เจ้าหน้าที่จากสำนักงานบังคับคดีจังหวัดภูเก็ต นำโดย นายชโนทัย สุขเพ็ญ และนายธีรศักดิ์ เอียดชูทอง นิติกร สำนักงานบังคับคดีจังหวัดภูเก็ต นำกำลังเข้าดำเนินการรื้อถอนบ้านเลขที่ 123/5 กับบ้านเลขที่ 131 หมู่ 2 ต.ราไวย์ รวมจำนวน 2 หลัง ตามคำสั่งศาลฎีกา ซึ่งได้มีคำพิพากษาให้รื้อถอนเมื่อวันที่ 21 ตุลาคม 2559 โดยมีพ.ต.ท.ปริญญา ตัณฑสุวรรณ รอง ผกก.(ป.)สภ.ฉลอง เจ้าหน้าที่ทหาร ตำรวจ เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองอำเภอและจังหวัด เจ้าหน้าที่ชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน หรือ ชรบ. , อปพร.และเทศกิจเทศบาลตำบลราไวย์ กว่า 50 คน ร่วมลงพื้นที่ดูแลความสงบเรียบร้อย เพื่อป้องกันการกระทบกระทั่งกัน เนื่องจากได้มีกลุ่มชาวเลหาดราไวย์ หมู่ 2 ต.ราไวย์ อ.เมือง จ.ภูเก็ต กว่า 200 คน ได้พากันมานั่งปิดล้อมพื้นที่รอบๆ ตัวบ้าน เพื่อขัดขวางไม่ให้มีการเข้ารื้อถอน ขณะที่เจ้าของบ้านทั้ง 2 หลัง คือนายมะเหร็น บางจาก กับนายอานัน บางจาก ได้หลบออกไปจากพื้นที่พิพาทชั่วคราว


จ.ส.อ.สุเทพ มุขดี อายุ 71 ปี เจ้าของที่ดินโฉนดเลขที่ 92823 กล่าวว่า ตนและน้องชายคือ ร.ต.ทวี มุขดี ซึ่งถือครองโฉนดเลขที่ 92822 ได้อนุญาตให้นายมะเหร็น บางจาก กับนายอานัน บางจาก เช่าที่ดินดังกล่าวเพื่ออยู่อาศัย ซึ่งได้ทำสัญญาเช่าปีต่อปีเรื่อยมา โดยไม่มีกำหนดระยะเวลา จนกระทั่งปี 2552 ตนจะเข้าใช้พื้นที่ และได้แจ้งให้ผู้เช่าทั้ง 2 ราย ย้ายออกไปจากพื้นที่ แต่ก็ไม่ยอมย้ายออกไป จนเกิดการฟ้องร้องกันขึ้น ต่อสู้กันมา 7 ปี จนกระทั่งเมื่อเดือนมีนาคม 2559 ศาลฎีกาได้สินให้แพ้ และได้มีคำพิพากษาให้มีการรื้อถอนบ้านทั้งสองหลัง ออกไปจากที่ดินทั้งสองแปลงดังกล่าว เมื่อวันที่ 21 ตุลาคม 2559 แต่เนื่องจากอยู่ในช่วงของการไว้ทุกข์ 100 วันของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช จึงได้เลื่อนการรื้อถอนออกมาเป็นวันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2560


“ขอยืนยันว่า โฉนดที่ตนถือครองอยู่นั้นตนได้มาถูกต้องตามกฎหมาย เป็นมรดกตกทอดจากบิดา มารดา ส่วนการรื้อถอน หากเขายังเพิกเฉย ขัดขวางไม่ให้มีการรื้อถอน ก็จะยึดกฎหมายเป็นหลัก หากกฎหมายบังคับไม่ได้ ต่อไปโฉนดจะมีคุณค่าอะไร”


ด้านนายสะเทือน มุขดี ประธานสภาวัฒนธรรม ตำบลราไวย์ น้องชายของนายสุเทพ มุขดี กล่าวว่า ถ้าการรื้อถอนไม่จบในวันนี้ ตนก็จะเดินหน้าต่อไปตามขั้นตอนของกฎหมาย โดยจะเข้าแจ้งความจับกุมชาวบ้านทุกคนที่เข้ามาในพื้นที่ของพี่กับน้องชาย ในข้อหาบุกรุก และจะร้องเรียนไปถึงนายกรัฐมนตรี และแจ้งศาลต่อไป


“กลุ่มชาวบ้านที่บุกรุกเข้ามาในพื้นที่เพื่อขัดขวางการรื้อถอนของเจ้าหน้าที่ ไม่ใช่ญาติของเจ้าของบ้าน เป็นการละเมิดพื้นที่ เจ้าของที่ดินเคยพูดคุยกับผู้เช่าทั้งสองรายด้วยดี ตั้งแต่ศาลชั้นต้น และมีค่าใช้จ่ายให้ หากยอมย้ายออกไป แต่ก็ยังไม่ยอมอีก ก็ต้องดำเนินการต่อไป ถ้ายังอยู่อย่างนี้ บ้านเมืองจะอยู่อย่างไร ต้องปฏิบัติตามกฎหมาย เราไม่ได้รังแกเขา แต่เขารังแกเรา”


อย่างไรก็ตาม นายสุเทพ มุขดี เจ้าของที่ดินโฉนดเลขที่ 92823 ได้เสนอให้ทางราชการสำรวจสำมโนประชากรของชาวเลหาดราไวย์ ขึ้นมาใหม่ สร้างแฟลต ให้พวกเขาอยู่อาศัย และเก็บค่าเช่า


ขณะที่ ชาวบ้านรายหนึ่ง ซึ่งอ้างว่าอาศัยอยู่ในบ้านที่มีปัญหาดังกล่าว ยืนยันว่าจะไม่ขอย้ายออกจากพื้นที่ เนื่องจากอยู่อาศัยกันมาเป็นเวลานาน และไม่มีที่อยู่แห่งใหม่รองรับ ทำให้ได้รับความเดือดร้อน ซึ่งบ้านทั้งสองหลัง อยู่ผู้อยู่อาศัยร่วมกันหลังละประมาณ 10 กว่าคน

 

 

แจ้งข่าว..คลิกที่นี่