กองบัญชาการตำรวจท่องเที่ยว รายงานว่าวานนี้ (25 ก.ค.62) ณ สถานีตำรวจท่องเที่ยวท่าอากาศสุวรรณภูมิ พล.ต.ต.วรพงษ์ ทองไพบูลย์ ผบก.ทท.1 นายกิตติพงศ์ กิตติขจร รองผู้อำนวยการท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ และผู้เกี่ยวข้อง ได้ร่วมกันแถลงผลการจับกุม นายเยฟเกนี ตูราน อายุ 33 ปี ชาวรัสเซีย และนางสาวคามิลเลีย ไครูลยีนา อายุ 27 ปี ชาวคาซัคสถาน สองสามีภรรยาหัวหมอในข้อหา “แจ้งความอันเป็นเท็จต่อเจ้าพนักงาน” โดยขอลงบันทึกประจำวันว่าลืมเอาหนังสือเดินทางมา เพื่อใช้เป็นหลักฐานในการอ้างกับสายการบินในการเดินออกนอกประเทศ
พล.ต.ต.วรพงษ์ กล่าวว่า สืบเนื่องจากคืนวันอังคารที่ผ่านมา (23 ก.ค.) ทั้งคู่ได้เข้ามาที่สถานีตำรวจท่องเที่ยว ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เพื่อแจ้งความประสงค์ว่าจะเดินทางไปจังหวัดภูเก็ต แต่สายการบินไม่อนุญาตให้เดินทาง เนื่องจากไม่ได้นำหนังสือเดินทางติดตัวมา จึงมาขอลงบันทึกประจำวัน เพื่อเป็นหลักฐานยืนยันต่อสายการบินในการเดินทาง
จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจท่องเที่ยวได้พาสองผู้ต้องหา ไปพบพนักงานสอบสวน สภ.ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เพื่อขอลงบันทึกประจำวัน แต่ระหว่างนั้นเจ้าหน้าที่สังเกตพบว่าผู้ต้องหาทั้งสองท่าทางมีพิรุธ หลังลงบันทึกประจำวันเรียบร้อย เจ้าหน้าที่ตำรวจท่องเที่ยว จึงได้เชิญตัวทั้งสองกลับมาที่สถานีตำรวจท่องเที่ยวฯ พร้อมทั้งประสานตำรวจ ตม. และจนท.ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิมาร่วมตรวจสอบ
ก่อนจะพบว่าทั้งสองคนมีหนังสือเดินทางอยู่กับตัว โดยเก็บไว้ในกระเป๋าเดินทางของตนเอง และเมื่อเจ้าหน้าที่ตรวจสอบหนังสือเดินทาง ปรากฏว่าทั้งสองคนอยู่ในราชอาณาจักรไทยเกินกำหนดกว่า 7 เดือน แต่เข้าแจ้งความเท็จว่าไม่ได้นำหนังสือเดินทางติดตัวมา เพื่อป้องกันการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่ โดยก่อนหน้านี้ผู้ต้องหาทั้งสองเคยเดินทางโดยใช้วิธีการลงบันทึกประจำวันของเจ้าหน้าที่ตำรวจ แสดงควบคู่กับใบอนุญาตขับขี่รถยนต์ของประเทศไทย และใบอนุญาตขับขี่รถยนต์ของต่างประเทศ เพื่อที่จะหลีกเลี่ยงการใช้หนังสือเดินทาง ซึ่งถือว่าเป็นภัยต่อความมั่นคงและมีพฤติกรรมที่จะหลบเลี่ยงการตรวจสอบ หรือการยืนยันตัวตนตามหนังสือเดินทาง
ผบก.ทท.1 กล่าวอีกว่า เบื้องต้นได้ควบคุมตัวผู้ต้องหาทั้งสองเอาไว้ พร้อมแจ้งข้อกล่าวหานายเยฟเกนีว่าเป็นคนต่างด้าวอยู่ในราชอาณาจักรไทยโดยการอนุญาตสิ้นสุด และแจ้งข้อความอันเป็นเท็จแก่เจ้าพนักงาน ซึ่งอาจทำให้ผู้อื่นหรือประชาชนเสียหาย และแจ้งให้เจ้าพนักงานผู้กระทำการ ตามหน้าที่จดข้อความอันเป็นเท็จลงในเอกสารมหาชน หรือเอกสารทางราชการ ซึ่งมีวัตถุประสงค์สำหรับใช้เป็นพยานหลักฐาน โดยที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน ส่วน น.ส.คามิลเลีย ถูกแจ้งข้อกล่าวหาว่า เป็นคนต่างด้าวอยู่ในราชอาณาจักรไทยโดยการอนุญาตสิ้นสุด
ซึ่งทางสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองได้ทำการแบล็คลิสต์รายชื่อของผู้ต้องหาทั้ง 2 คน ห้ามเข้าประเทศไทยเป็นเวลา 5 ปี ก่อนควบคุมตัวผู้ต้องหาทั้งสองส่งพนักงานสอบสวน สภ.ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป