จากกรณีเมื่อวันที่ 7 ส.ค.66 นายกุลวิชญ์ วงศรัตนาวุธ อายุ 32 ปี บ้านอยู่ ต.ไม้ขาว อ. ถลาง จ.ภูเก็ต เข้าแจ้งความที่ สภ.ถลาง เพื่อให้ดำเนินคดีกับชายฉกรรจ์ 4 คน อ้างเป็นพนักงานไฟแนนซ์ สอบถามเรื่องรถที่ค้างชำระ ค่างวดรถ 6 งวด เป็นเงิน 2 แสนกว่าบาท และพยายามเข้าไปในรถของตน แต่ตนไม่อนุญาตให้เข้า จึงรุมทำร้ายและอุ้มตัวไปเซ็นส่งมอบรถค้างค่างวด เหตุเกิดบริเวณลานจอดรถห้างแห่งหนึ่ง สาขาถลาง
จากนั้นเมื่อเวลา 15.15 น. วันที่ 9 ส.ค.66 ร.ต.อ.(หญิง) ชนิตา บุญญานุวัตร์ รอง สว.(สอบสวน)สภ.ถลาง จ.ภูเก็ต หลังจากสอบปากคำ นายกุลวิชญ์ วงศรัตนาวุธ แล้วได้นำตัวไปยังห้างดังกล่าว เพื่อชี้จุดเกิดเหตุที่ชายฉกรรจ์ทั้ง 4 มาดักรอข้างรถเก๋งของนายกุลวิชญ์ ซึ่งกำลังนำของที่ซื้อจากห้าง โดยกดล็อครีโมทรถโดยใช้รีโมท ในช่วงจังหวะนั้นชายฉกรรจ์ถามนายกุลวิชญ์ว่าเจ้าของรถหรือไม่ ด้วยความตกใจประกอบกับไม่รู้จักกับ 4 ชายฉกรรจ์จึงตอบไปว่าไม่รู้จัก หลังจากนั้น 1ใน 4 คนเข้าไปนั่งในรถ นายกุลวิชญ์จึงถามขึ้นว่า “เข้าไปนั่งทำไม ไม่ใช่รถคุณ” แล้วนายกุลวิชญ์พยายามจะขึ้นรถ จึงโดนชายฉกรรจ์คนหนึ่งใช้ศอกตีเข้าหน้าอกนายกุลวิชญ์ พร้อมผลักลงไปนอนบนเบาะด้านหน้ารถแล้วนายกุลวิชญ์พยายามต่อสู้จนเจ็บตัวและเสื้อถูกดึงออกมา หลังจากนั้นชายฉกรรจ์ได้ล้วงกุญแจรถในกระเป๋าด้านหลังกางเกงของนายกุลวิชญ์ไป แล้วออกจากรถมาโชว์ให้อีก 3 คนว่าได้กุญแจมาแล้ว ต่อมาทั้ง 4 คนก็พานายกุลวิชญ์ขึ้นรถไปที่โกดังเก็บรถในพื้นที่ ต.ศรีสุนทร อ.ถลาง
ต่อมาเมื่อช่วงเย็นของวันเดียวกันด้าน พ.ต.ท.อนุกูล หนูเกตุ รอง ผกก.(สอบสวน) สภ.ถลาง กล่าวว่า สำหรับคดีดังกล่าว ต้องเป็นไปตามกฎหมาย เป็นการฝ่าฝืนกฎหมาย มีการข่มเหง ข่มขู่บังคับทำร้าย เขาไม่ยินยอม ส่วนจะเป็นชิงทรัพย์ ปล้นทรัพย์หรือไม่ต้องดูหลักฐานอีกทีว่า เขาเจตนาอย่างไรมีเงื่อนไขอย่างไรที่ยึดทรัพย์ไป เพราะว่าตอนนี้รถอยู่ที่บริษัทเขาอยู่แล้ว ซึ่งเข้าข่ายฝ่าฝืนกฎหมายและบังคับขู่เข็ญ โดยเขาไม่ยินยอมให้ยึดแต่ยึด เจ้าหน้าที่ตำรวจฝ่ายสืบสวนให้ข้อมูลมาว่า ทางคู่กรณีได้แจ้งข้อกล่าวหาไปเรียบร้อยแล้วแต่ยังไม่ได้ตัวมา
