พร้อมด้วยของกลางจำนวน 13 รายการ ประกอบด้วย หัวบุหรี่ไฟฟ้าแบบสูบแล้วทิ้ง 30 หัว ซึ่งพบที่ใส่วางอยู่บนโต๊ะเคาเตอร์ภายในร้าน, บุหรี่ไฟฟ้าแบบสูบแล้วทิ้ง 8 ตัว, หัวบุหรี่ไฟฟ้าแบบสูบแล้วทิ้ง 1 หัว, น้ำยาบุหรี่ไฟฟ้าชนิดเติม 1 ขวด, เครื่องสูบบุหรี่ไฟฟ้า 1 ตัว, หัวบุหรี่ไฟฟ้าแบบสูบแล้วทิ้ง (เตรียมส่งลูกค้าจากแอปพลิเคชั่นไลน์) 3 หัว ซึ่งพบบรรจุไว้ในถุงกระดาษสีน้ำตาล ระบุชื่อผู้สั่งซื้อสินค้า วางไว้ที่บนโต๊ะเคาเตอร์, คิวอาร์โค้ดสำหรับสแกนจ่ายเงินของทรูมันนี่, เมนูสินค้า, เฟซบุ๊กและไลน์, เครื่องขายสินค้าระบบ POS 1 เครื่อง และลิ้นชักเก็บเงินสด ระบบ POS (ไม่สามารถเปิดได้) และไอโฟน 13 สีชมพู 1 เครื่อง
โดยตั้งข้อกล่าวหาว่า “ขายสินค้าที่คณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภคสั่งห้ามขาย (บุหรี่ไฟฟ้า และ น้ำยาบุหรี่ไฟฟ้า) ผ่านระบบแพลทฟอร์ม Line และ Facebook” อันเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.คุ้มครองผู้บริโภค พ.ศ. 2522 และ ช่วย ซ่อนเร้น ช่วยจำหน่าย ซื้อ รับจำนำ หรือรับเอาไว้โดยประการใด ซึ่งของอันตนพึงรู้ ว่าเป็นของอันเนื่องด้วยความผิดมาตรา 246 “ตามพ.ร.บ. ศุลกากรฯ พ.ศ. 2560
จากนั้นนำตัวผู้ต้องหาส่ง พนักงานสอบสวน สภ.เมืองภูเก็ต เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป