ตร.เมืองภูเก็ตรวบหนุ่มยกเค้าร้านมือถือ เจ้าของร้านระบุหายไปกว่า 70 เครื่อง

ภูเก็ต – วันนี้ (18 เม.ย. 61) ที่ ชั้น 3 สภ.เมืองภูเก็ต เจ้าหน้าที่ตำรวจนำโดย พล.ต.ต.ธีรพล ทิพย์เจริญ ผบก.ตร.ภ.จว.ภูเก็ต ได้ร่วมกันแถลงข่าวจับกุมนายโชคอนันต์ หรือถึก ชัยสงคราม อายุ 37 ปี ผู้ต้องหางัดร้านโทรศัพท์และขโมยโทรศัพท์ไปหลายสิบเครื่อง ตำรวจเร่งล่าผู้ต้องหาอีกราย

เอกภพ ทองทับ

วันพุธ ที่ 18 เมษายน 2561, เวลา 15:49 น.

พล.ต.ต.ธีรพล กล่าวว่า สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 10 เม.ย. ที่ผ่านมา เวลาประมาณ 15.30 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจสภ.เมืองภูเก็ต ได้รับแจ้งจากนายจันทร์คำ มิตรสามารถ เจ้าของร้านโทรศัพท์ นัมเบอร์วัน ตั้งอยู่บริเวณ ถ.ศรีสุทัศน์ อ.เมือง จ.ภูเก็ต ว่าทางร้านได้ถูกคนร้ายบุกเข้ามาขโมยทรัพย์สินหลายรายการ รวมทั้งอุปกรณ์ระบบกล้องวงจรปิดภายในร้าน

ซึ่งนายจันทร์คำ ระบุว่าเมื่อเวลาประมาณ 8.00 น. ของวันเดียวกันพนักงานได้มาเปิดร้านตามปกติและพบว่าโทรศัพท์ภายในร้านถูกขโมยไปประมาณ 60-70 เครื่อง ประกอบด้วยโทรศัพท์เครื่องใหม่ และเครื่องที่ลูกค้านำมาจำนำเอาไว้

หลังรับแจ้ง พนักงานสอบสวนพร้อมชุดสืบสวนได้ลงพื้นที่ตรวจสอบ พบว่าคนร้ายได้เปิดหลังคาของร้านจากนั้นได้ลงมาลักทรัพย์พร้อมกับได้ยกเซิฟเวอร์กล้องวงจรปิดมูลค่ากว่า 4 แสนบาทภายในร้านไปด้วย ภายในร้านมีกล้องวงจรปิดอีกระบบที่ยังสามารถบันทึกภาพของคนร้ายไว้ได้บางส่วน แต่คนร้ายสวมหมวกไหมพรมและถุงมือ ร่วมกันก่อเหตุเมื่อเวลา 01.39 น. ของวันเดียวกัน

จากนั้น พล.ต.ต.ธีรพล จึงได้สั่งการไปยัง พ.ต.อ.สมพงศ์ ทิพย์อาภากุล ผกก.สภ.เมืองภูเก็ต ให้ตั้งชุดทำงานเพื่อติดตามคนร้ายอย่างเร่งด่วน จนกระทั่งล่าสุดวานนี้ (17 เม.ย.) เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนสภ.เมืองภูเก็ต นำโดย พ.ต.ท.รุ่งฤทธิ์ รัตนภักดี รอง ผกก.สส.สภ.เมืองภูเก็ต ได้รับแจ้งจากสายข่าวว่าคนร้ายคือนายโชคอนันต์

ต่อมาในวันนี้เวลาประมาณ 07.00 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้เข้าไปตรวจค้นที่บ้านพักของนายโชคอนันต์และสามารถจับกุมได้ที่บ้านเลขที่ 2/42 ถ.นศรีสุทัศน์ อ.เมืองภูเก็ต พบของกลางเป็นโทรศัพท์ 19 เครื่อง พร้อมเอกสารสัญญาขายฝากโทรศัพท์ตามร้านโทรศัพท์ในตัวเมืองภูเก็ตจำนวน 6 ใบจาก 3 ร้าน โดยนายโชคอนันต์ยอมรับว่าได้ก่อเหตุกับพวกที่หลบหนีไป และโทรศัพท์บางส่วนได้เอาไปจำนำกับร้านโทรศัพท์ต่าง ๆ ภายในตัวเมืองภูเก็ตแล้ว

รายงานการแถลงข่าวระบุอีกว่า นายโชคอนันต์ ให้การว่าตนได้ฝากโทรศัพท์ไว้ที่บ้านนายเล่ง เพิ่มทอง (พี่เขยและผู้ร่วมกระทำผิด) อีกจำนวน 4 เครื่อง จากนั้นจึงเชิญตัวนายโชคอนันต์มาสอบปากคำเพิ่มเติม ได้ความว่า ก่อนเกิดเหตุนายเล่งได้ชวนนายโชคอนันต์ไปลักทรัพย์ยังร้านโทรศัพท์ เนื่องจากนายเล่งเอารถกระบะไปเข้าไฟแนนซ์ จึงอยากได้เงินมาไถ่รถกระบะคืน

ต่อมาช่วงเวลากลางคืนของวันที่ 9 เม.ย. นายเล่งได้นัดพบที่บ้านเช่าของนายเล่ง ที่หลังโรงพยาบาล อบจ. หลังจากนั้นนายโชคอนันต์ได้ขับรถจักรยานยนต์ของนายเล่ง โดยมีนายเล่งนั่งซ้อนท้ายไปยังร้านที่เกิดเหตุ ซึ่งเป็นร้านที่นายเล่งเคยเอาโทรศัพท์ไปจำนำไว้ จึงทำให้ทราบรายละเอียดภายในร้านเป็นอย่างดี รวมถึงเวลาปิด-เปิดร้าน โดยนายเล่งเคยสังเกตว่าทางร้านวางโทรศัพท์ไว้ใกล้เพดาน เมื่อถึงร้านทั้งคู่รอจังหวะที่ไม่มีคนและทำการปีนหลังคาเปิดกระเบื้อง ซึ่งก่อนที่จะลงจากหลังคาได้สวมหมวกไหมพรมและถุงมือที่นายเล่งเตรียมมา แล้วจึงเข้าไปก่อเหตุลักทรัพย์ จากนั้นนายเล่งก็ได้ถอดอุปกรณ์บันทึกวีดิโอวงจรปิดภายในร้านไป และทั้งคู่ก็ได้ขับรถกลับมายังบ้านของนายเล่งแล้วเอาโทรศัพท์ที่ได้มาแบ่งกัน โดยจะแบ่งทีละยี่ห้อ ทีละรุ่น ในปริมาณที่เท่ากัน

อย่างไรก็ตามทาง เจ้าของร้านโทรศัพท์ที่ถูกคนร้ายก่อเหตุครั้งนี้ได้เดินทางมาขอบคุณ พล.ต.ต.ธีรพล ที่เจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถจับคนร้ายได้อย่างรวดเร็วและนำของกลางมาคืน แม้จะไม่ได้คืนทั้งหมดแต่ก็สามารถสร้างความอุ่นใจให้กับประชาชนได้เป็นอย่างดี

ด้านพล.ต.ต.ธีรพล กล่าวว่าคนร้ายที่ยังหลบหนีอยู่อีกหนึ่งรายนั้นทราบตัวแล้วเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนกำลังเร่งติดตามตัวมาดำเนินคดีเชื่อว่าน่าจะได้ตัวเร็ววันนี้ และอยากฝากบอกประชาชนถึงการดูแลทรัพย์สินของตนเอง ว่าหากสามารถป้องกันเบื้องต้นได้โดยการติดตั้งกล้องวงจรปิดจะดีมาก เพราะจะให้การทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจในการจับกุมคนร้ายมีพยานหลักฐานจนสามารถจับคนร้ายได้อย่างรวดเร็ว

 

 

แจ้งข่าว..คลิกที่นี่