จากกรณี น.ส.แอนนา พร้อมกับนายอเล็กซานเดอร์เพื่อนของผู้แจ้ง ได้ให้บริษัทรถเช่าเช็คจีพีเอสรถยนต์ป้ายพัทลุงที่เช่ามาว่า นายอาเธอร์ มคิทาเรียน อายุ 41 ปี สัญชาติรัสเซีย ซึ่งเป็นสามีของผู้แจ้งได้หายไป จนกระทั่งมาพบรถบริเวณหลังหนึ่งในพื้นที่ ม.6 ต.ฉลอง อ.เมือง จ.ภูเก็ต และพบนายอาร์เธอร์นอนเสียชีวิตอยู่ที่เฉลียงบ้านดังกล่าว ในขณะที่ไปถึงได้มีกู้ภัยเทศบาลตำบลฉลองได้นำศพผู้ตายไปที่ รพ.วชิระภูเก็ต และได้มีหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ ศพฐ.8, แพทย์นิติเวช, และเจ้าหน้าที่ที่มีหน้าที่สืบสวนของ กก.สส.ภ.จ.ภูเก็ต ตรวจสถานที่เกิดเหตุ เพื่อแสวงหาข้อเท็จจริงและแสดงหาพยานหลักฐานเพื่อประกอบในคดีต่อไป
เจ้าหน้าที่ตำรวจเปิดเผยว่า จากการสืบสวนเบื้องต้นในที่เกิดเหตุ เมื่อวันที่ 13 มี.ค. 67 ทราบว่า เมื่อวันที่ 12 มี.ค. ชาวบ้านที่อยู่ใกล้ที่เกิดเหตุได้ยินเสียงเอะอะไวยวายเหมือนมีคนทะเลาะกัน แต่ไม่ทราบความหมายเนื่องจาก กลุ่มคนดังกล่าวไม่ได้พูดเป็นภาษาไทย
โดยในวันเดียวกัน (13 มี.ค.) นั้น เจ้าหน้าที่ได้ตรวจสอบประวัตินายอาเธอร์ผู้ตายทราบว่า ได้เดินทางเข้ามาในภูเก็ตเมื่อวันที่ 28 ม.ค. 67 และครบกำหนดอยู่ในราชอาณาจักรไทย ถึงวันที่ 26 เม.ย. 67 ประเภทวีซ่า ผผ.90 - ม.17 วันครบกำหนดวีซ่า 26 เม.ย. 67
ด้านนางแอนนา มคิทาเรียน อายุ 32 ปี ภรรยาผู้ตาย พร้อมให้ปากคำว่า ตนเข้ามาอยู่ในประเทศไทยพร้อมด้วยครอบครัวผู้ตาย ได้แก่ พ่อแม่ผู้ตาย และมีบุตรด้วยกัน 2 คน พักอาศัยอยู่ในพื้นที่ ต.ฉลอง และเป็นคนที่อยู่กับผู้ตายครั้งสุดท้ายเมื่อวันที่ 12 มี.ค. โดยเมื่อเวลาประมาณ 17.00 น. ตนไม่สามารถติดต่อกับผู้ตายได้ จึงได้เดินทางไปแจ้งความร้องทุกข์กับพนักงานสอบสวน และติดตามหาตัวผู้ตายจากระบบจีพีเอสจากรถคันที่ผู้ตายใช้งานอยู่ จนทราบว่า รถคันดังกล่าวมาจอดทิ้งไว้ที่ใกล้ ๆ บ้านหลังที่เกิดเหตุ ตนจึงได้ติดตามค้นหาจนพบศพผู้ตายนอนเสียชีวิตอยู่ในฟาร์มกัญชาดังกล่าว
เจ้าหน้าที่สืบสวนเบื้องต้นทราบว่า บ้านที่เกิดเหตุถูกเช่าโดย นางสาวขนิษฐา ซึ่งมีแฟนเป็นชาวต่างชาติ ชื่อนายเอเคร กล่าวว่าบ้านที่เกิดเหตุได้มี นายบัคโตวาร์ มูโรโซดา (Mr.Bakhtovar Murozoda) พักอาศัยอยู่ ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ตรวจสอบ พบว่านายบัคโตวาร์ได้หลบหนีออกจากบ้านดังกล่าวแล้ว และได้เดินทางขึ้นเครื่องที่สนามบินภูเก็ต เวลาประมาณ 21.38 น. ปลายทางอิสตันบูล ประเทศตุรกี ซึ่งจะได้ทำการสืบสวนต่อไป
