ต่อมามีชาวเน็ตรายหนึ่งเข้ามาคอมเมนต์เล่าเรื่องราวว่า มีแขกอิหร่านผู้หญิง 3 คน มายืนค้ำหัวรถคนที่ขับแท็กซี่ซึ่งเป็นเจ้าของรถ จากนั้นได้เดินไปบอกแขกดังกล่าวว่าอย่าค้ำหน้ารถ แล้วแขกดังกล่าวเหมือนจะหงุดหงิดและไม่พอใจ ได้เดินมาที่ป้ายรถเมย์ อารมณ์หงุดหงิด ได้บอกแฟนของเธอ ซึ่งชายคนดังกล่าวและเพื่อนกลุ่มอิหร่านอยู่ในอาการมึนเมา จึงทำให้เกิดเหตุดังกล่าวขึ้น
และยังมีชาวเน็ตเข้าคอมเมนต์กันอีกเช่น อย่าโทษแต่คนไทยเลยตอนนี้นททเลวๆมีเยอะที่ป่าตอง, ดังอีกแล้ว, เออแฟร์ๆหน่อย ต่างคนต่างรุม ไม่ใช่เจอแต่คนไทยรุมฝรั่ง, คนดีๆอยู่ยาก มีแต่พวกกากสถุนถ่อย เจ้าหน้าที่อย่าทำกฎหมายอ่อน สอบสวนให้ชัดแล้วลงโทษให้จริงจัง ปล่อยให้มีเรื่องแบบนี้ทั่วทั้งเกาะแล้ว, ฝากฝรั่งต่อยให้ยับที ทำพี่พ่อได้แรง, ฟรีวีซ่า ก้อจะเจอแต่แขกคุณภาพแบบนี้ล่ะครับ เป็นต้น
คืบหน้าล่าสุด พ.ต.อ.ชาตรี ชูแก้ว ผกก.สภ.วิชิต ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจสายตรวจ สภ.วิชิต เข้าระงับเหตุโดยเร็ว และได้เชิญตัวนักท่องเที่ยวต่างขาติ 5 คน คนขับรถแท็กซี่ 3 คน มาสอบสวนที่ สภ.วิชิต ทราบว่า ก่อนเกิดกลุ่มนักท่องเที่ยวได้ยืนรอรถแท็กซี่ เพื่อจะกลับโรงแรมในพื้นที่ ต.ป่าตอง ระหว่างรอได้ไปยืนพิงรถของรถรับจ้างที่จอดอยู่ ทางเจ้าของรถจึงบอกนักท่องเที่ยวให้ออกจากรถของตนไป ทำให้นักท่องเที่ยวไม่พอใจ มีปากเสียงกันแล้วทะเลาะวิวาทชกต่อย ปาขวดใส่ ทางเจ้าหน้ามี่ตำรวจได้มาถึงที่เกิดเหตุพร้อมเชิญตัวทั้ง 2 กลุ่มมาที่ สภ.วิชิต
พนักงานสอบสวนตรวจสอบจากกล้องวงจรปิดพบว่า เป็นการสมัครใจเข้าทะเลาะวิวาทกันทั้ง 2 ฝ่าย จึงแจ้งข้อกล่าวหาทั้ง 2 ฝ่ายว่า “ร่วมกันทะเลาะกันอย่างอื้ออึงในทางสาธารณะ หรือสาธารณสถาน หรือกระทำโดยประการอื่นใดให้เสียความสงบเรียบร้อยในทางสาธารณะหรือสาธารณสถาน” พร้อมได้มีการเปรียบเทียบเป็นที่เรียบร้อย และต่างฝ่ายต่างไม่ติดใจกับเรื่องที่เกิดขึ้น และได้แยกย้ายกัน