จากกรณีนักท่องเที่ยวต่างชาติร้องสื่อว่า พบคาเฟ่ในตัวเมืองภูเก็ตนำลูกสิงโตมากั้นคอกโชว์ภายในร้าน ให้นักท่องเที่ยวได้มาจับถ่ายรูป พร้อมตั้งคำถามว่าแบบนี้เป็นการทรมานสัตว์ป่าหรือไม่ ระบุลูกสิงโตควรอยู่กับแม่และฝูง ในที่ที่มันควรจะอยู่ ไม่ใช่ในร้านคาเฟ่ ซึ่งเจ้าตัวไม่เห็นด้วยอย่างยิ่ง
วันที่ 14 ก.พ. 67 พ.ต.อ.อรุณ วชิรศรีสุกัญยา รอง ผบก.ปทส. พร้อมด้วย พ.ต.อ.อภิสัณฐ์ ไชยรัตน์ ผกก.5 บก.ปทส., ตำรวจ สภ.เมืองภูเก็ต และเจ้าหน้าที่ส่วนอนุรักษ์สัตว์ป่า เข้าตรวจสอบกรณี ลูกสิงโต “น้องกีวี่” ที่ถูกนำมาโชว์ไว้ที่คาเฟ่แห่งหนึ่งใน จ.ภูเก็ต หลังมีผู้ร้องเรียนว่าเป็นการทรมานสัตว์ป่าหรือไม่
จากการเข้าตรวจสอบเมื่อวันที่ 12 ก.พ. ที่ผ่านมา ทางเจ้าหน้าที่ไม่พบลูกสิงโตอยู่ที่คาเฟ่ ทราบว่าเจ้าของจะนำมาโชว์แค่วันละ 2-3 ชั่วโมง และนำกลับไปเลี้ยงไว้ในโรงแรมแห่งหนึ่งใน อ.เมืองภูเก็ต จึงติดตามไปจนกระทั่งเจอเจ้าของเป็นหญิงสาวชาวจีน (ขอสงวนชื่อ) พร้อมกับลูกสิงโต ซึ่งพบว่าสถานที่เลี้ยงไม่ตรงตามหลักเกณฑ์ และไม่เหมาะสมที่ออกใบอนุญาตให้เลี้ยงได้
เบื้องต้นทราบว่า เจ้าของสั่งซื้อลูกสิงโตตัวนี้มาจากบริษัทแห่งหนึ่งในกรุงเทพฯ เมื่อวันที่ 9 ม.ค.ที่ผ่านมา ราคาตัวละ 250,000 บาท แต่ยังไม่มีเอกสารการโอนจากบริษัทที่ขายให้ ก่อนจะนำมาโชว์ในคาเฟ่และนำกลับไปเลี้ยงเอาไว้ที่โรงแรม กระทั่งถูกเจ้าหน้าที่มาตรวจสอบดังกล่าว
ต่อมาเมื่อตรวจสอบไมโครชิพก็พบว่าลูกสิงโตตัวดังกล่าวไม่มีไมโครชิพ ซึ่งไม่ตรงกับเอกสารหมายเลขไมโครชิพ ที่เจ้าของนำแสดงให้ตรวจสอบตอนแรกแต่อย่างใด จนน่าเชื่อว่าเป็นคนละตัวกับที่เอาเอกสารมาแสดงอีกด้วย
จึงมีความผิดตาม พ.ร.บ.สงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า ข้อหา “ไม่แจ้งการครอบครองสัตว์ป่าและเคลื่อนย้ายโดยไม่ได้รับอนุญาต” สำหรับสิงโต เป็นสัตว์ป่าควบคุมที่ต้องแจ้งการครอบครอง ชนิด ก (ดุร้าย) ต้องดูแลรักษาในสถานที่ครอบครองที่แข็งแรงปลอดภัย นำตัวเจ้าของส่ง สภ.เมืองภูเก็ต ดำเนินคดี ส่วนน้องกีวี่ถูกตรวจยึดนำส่งไปให้ส่วนที่เกี่ยวข้องเลี้ยงและดูแลต่อไป
