เมื่อวันที่ 31 มี.ค. ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ตำรวจสภ.ถลาง ภายใต้อำนวยการ พ.ต.อ.ธีรวัฒน์ เลี่ยมสุวรรณ ผกก.สภ.ถลาง พ.ต.ท.ประวิทย์ เอ้งฉ้วน รอง ผกก.ป.สภ.ถลาง พ.ต.ท.ณฐาภพ พงษาปาน รองผกก.สส.สภ.ถลาง จ.ภูเก็ต นำโดย ร.ต.อ.สุชาติ ลือชา รอง สวป.สภ.ถลาง ได้รายงานผลการจับกุมนายกิตติกร สมเสริฐ พร้อมของกลาง รถจักรยานยี่ห้อ Turbo 1 คัน, กล้องถ่ายรูป Nikon D 7200 พร้อมเลนส์, นาฬิกา CK รุ่น KOA 215 1 เรือน, นาฬิกา Giordano P155, เงินเหรียญขนาดต่าง ๆ จำนวน 3,370 บาท, กีต้าร์ยามาฮ่า 1 ตัว , กระเป๋าสะพาย Nikon สีเทา 1 ใบ และ กระเป๋าสะพายใส่กีต้าร์ยี่ห้อยามาฮ่าจำนวน 1 ใบ
พ.ต.ท.ประวิทย์ กล่าวว่า การจับกุมดังกล่าว สืบเนื่องจาก เมื่อเวลาประมาณ 10.30 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมได้ตั้งจุดสกัดอยู่บริเวณซอยฟักทอง ม.5 ต.ศรีสุนทร อ.ถลาง จ.ภูเก็ต ได้มีชายวัยรุ่นทราบชื่อภายหลังคือนายกิตติกร สมเสริฐ ขับขี่รถจักรยานผ่านมา โดยมีการสะพายกระเป๋าหลายใบดูท่าทางมีพิรุธจึงได้เรียกให้หยุดเพื่อขอตรวจสอบ จึงได้ทำการตรวจค้น พบของกลางตามรายการข้างต้น สอบถามนายกิตติกรเบื้องต้นพูดวกไปวนมาจนในที่สุดรับว่าของกลางข้างต้นตนเองได้ทำการลักทรัพย์มาก่อนหน้าที่จะขี่รถมาพบเจ้าหน้าที่ตำรวจซึ่งตั้งจุดสกัดอยู่
หลังจากนั้นนายกิตติกรได้พาเจ้าหน้าที่ตำรวจไปชี้บ้านหลังเกิดเหตุ ก่อนเจ้าหน้าที่ตำรวจจะพาตัวนายกิตติกรพร้อมของกลางมาที่สภ.ถลาง
ต่อมามีนายภานุวัฒน์ สมฤทธิ์ ซึ่งเป็นทนายความที่ จ.ภูเก็ต มาพบพนักงานสอบสวนเพื่อร้องทุกข์ว่าทรัพย์สินของตัวเองที่อยู่ภายในบ้านในพื้นที่ ม.8 ต.ป่าคลอก อ.ถลางได้หายไปจำนวนหลายรายการ ชุดจับกุมจึงได้นำนายภานุวัฒน์มาดูของกลางที่ได้ตรวจยึดมาจากนายกิตติกร เมื่อนายภานุวัฒน์ได้เห็นของกลางดังกล่าวข้างต้นยืนยันว่าทั้งหมดเป็นของตนที่เก็บไว้ในบ้าน เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้ทำการจับกุมตัวนายกิตติกรพร้อมได้แจ้งข้อกล่าวหา “ลักทรัพย์ในเคหะสถานโดยใช้ยานพาหนะ เพื่อสะดวกในการพาทรัพย์นั้นไป”
พ.ต.ท.ประวิทย์ กล่าวอีกว่า จากการตรวจสอบประวัติเพิ่มเติม พบว่านายกิตติกรมีหมายจับลักทรัพย์ในเคหะสถานอีก1 คดี ซึ่งเป็นหมายจับของศาลจังหวัดพังงา ที่ จ.42/2556 ลงวันที่ 25 มี.ค. 56 หลังเข้าขโมยทรัพย์สินภายในบ้านเลขที่ 57 /6 ม.2 ต.ทุ่งมะพร้าว อ.ท้ายเหมือง จ.พังงา เมื่อเวลา 14.20 น.ของ วันที่ 1 ต.ค. 55 ที่ผ่านมาโดยนายกิตติกรรับสารภาพว่ากระทำการลักทรัพย์จริง เจ้าหน้าที่จึงส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป