กรณีนักวิชาการศูนย์วิจัยและพัฒนาทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งทะเลอันดามัน (ภูเก็ต) โพสต์ผ่านเฟซบุ๊ก Nalinee Thongtham เมื่อช่วงค่ำของวันอังคารที่ผ่านมาระบุว่า “เรือเข้ามาทิ้งสมอในแนวปะการังอุทยานพีพีอีกแล้ว ขนาดอุทยานกั้นทุ่นราวไว้ น้ำก็ใสและตื้น เห็นปะการังอยู่แท้ๆ ปะการังที่เสียหายเป็นปะการังที่เราและอาสาสมัครพยายามฟื้นฟู หลังจากที่ปะการังธรรมชาติแถวนี้ฟอกขาวตายเกือบหมด ต้องใช้แรงงานอาสาสมัครในการอนุบาล ดูแล ย้ายปลูกจากกิ่งที่เล็กกว่านิ้วก้อย ใช้เวลารวมแล้วไม่ต่ำกว่าสี่ปี กำลังขึ้นสวยเต็มพื้นที่ แต่ก็ถูกผู้ประกอบการที่เห็นแก่ตัวทำลายในเวลาแค่ไม่กี่วินาที เมื่อไหร่คนพวกนี้จะถูกลงโทษให้เข็ดหลาบ ทั้งในแง่กฎหมายและกฎของสังคม พยาน หลักฐานมี ฝากผู้เกี่ยวข้องพิจารณาด้วยค่ะ ทรัพยากรกำลังฟื้นตัว คนไร้จิตสำนึกควรหมดไป”
ต่อมาเมื่อวันที่ 17 ธ.ค. กรม ทช. โดยอธิบดีโสภณ ทองดี ให้สัมภาษณ์ไทยพีบีเอสออนไลน์ว่า กรณีการทิ้งสมอเรือบนแนวปะการังธรรมชาติ และแนวปะการังที่มีวางแปลงฟื้นฟู ถือว่ามีความผิดเข้าข่ายผิด พ.ร.บ.สงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ.2562 เนื่องจากปะการังถือเป็นสัตว์ป่าคุ้มครองภายใต้ พ.ร.บ. ฉบับนี้ การทำให้ปะการังเกิดความเสียหาย ทั้งการจับ ดัก ล่อทำลายถือว่ามีความผิด
ทช.รายงานว่า “เบื้องต้นทราบว่าเรือดังกล่าวเข้ามาในเกาะพีพี ในแนวเขตวางทุ่นให้เรือจอด ห้ามทิ้งสมอ และมีแนวปะการังที่ถูกสมอเรือแตกหักเสียหาย ทางกรม ทช. สามารถเป็นผู้ร้องทุกข์กล่าวโทษเอาผิดได้ แต่ขอหารือกับทางอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุพืช ก่อน ว่าจะเป็นเจ้าภาพหรือไม่ เพราะอยู่ในพื้นที่รับผิดชอบโดยตรง”
