“จากเหตุการณ์ดังกล่าว ทางเราอยากจะฝากเตือนไปยังนักท่องเที่ยวและประชาชนทั่วไปว่า ความผิดฐานแจ้งความเท็จนั้นมีโทษสูงสุดถึงจำคุก โปรดจงอย่าเห็นแก่ประโยชน์ส่วนตน เช่น การแจ้งความเท็จเพื่อดำเนินการรับเงินสินไหมทดแทนจากบริการจากบริษัทประกันภัยหรือเพื่อการได้มาซึ่งทรัพย์สินอื่นๆ” ว่าที่พ.ต.ต.เอกชัย ศิริ สว.ส.ทท.1 กก.2 บก.ทท.3 กล่าวกับข่าวภูเก็ต เมื่อวันพุธ (8 พ.ย.) ที่ผ่านมา“โดยเฉพาะในกรณีของนักท่องเที่ยว ที่ได้แอบอ้างว่าถูกทำร้ายร่างกายเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา
นอกจากจะสร้างความเสื่อมเสียให้กับจังหวัดภูเก็ตแล้วยังส่งผลเสียต่อประเทศของคุณด้วย ที่มีพลเมืองบางคนกระทำพฤติกรรมแอบอ้างสร้างเรื่องราวเพื่อหวังผลประโยชน์”
“อย่างไรก็ตาม ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจท่องเที่ยวภูเก็ตและเจ้าหน้าที่ตำรวจในจังหวัดภูเก็ตทุกนายยินดีที่จะช่วยเหลือและให้บริการประชาชน หากเรื่องดังกล่าวเป็นความจริงทางเรายินดีที่จะให้ความช่วยเหลืออย่างถึงที่สุด” ว่าที่ พ.ต.ต.เอกชัย กล่าวยืนยัน
กรณีนักท่องเที่ยวชายชาวอังกฤษผู้ซึ่งอ้างว่าได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์คนร้ายใช้ปืนจี้และทำร้ายร่างกายจนขาหัก ได้เดินทางออกจากภูเก็ตไปยังดูไบแล้วพร้อมภรรยาเมื่อเช้าวันที่ 7 พ.ย. ก่อนที่เจ้าหน้าที่ตำรวจจะแสดงหลักฐานว่าเขากระโดดลงมาจากระเบียงโรงแรมในพื้นที่ป่าตองด้วยตนเอง และไม่ได้ถูกทำร้ายร่างกายตามอ้างแต่อย่างใด (อ่านเพิ่มเติม คลิก)
ว่าที่ พ.ต.ต.เอกชัย ได้เน้นย้ำว่า ผู้ใดแจ้งความเท็จกับเจ้าพนักงานถือว่าเข้าข่ายความผิด มาตรา 173 ที่ระบุว่า ผู้ใดรู้ว่ามิได้มีการกระทำความผิดเกิดขึ้น แจ้งข้อความแก่พนักงานสอบสวน หรือเจ้าพนักงานผู้มีอำนาจสืบสวนคดีอาญาว่า ได้มีการกระทำความผิดต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสามปีและปรับไม่เกินหกพันบาท