ทนายฟีนิกซ์ออกโรง กร้าวเจ้าของเรือถูกตำรวจบังคับรับเป็นนอมินี เตรียมยื่นปปช.

ภูเก็ต – วานนี้ (14 ส.ฅ.61) ที่ปรึกษากฎหมายของผู้ประกอบการเรือฟีนิกซ์ เป็นตัวแทนเจ้าของเรือในการยื่นหนังสือต่อผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต ว่าสิ่งใดก็ตามที่เจ้าของเรือทำไปถือว่าเป็นโมฆะ พร้อมประกาศชัดว่านับตั้งแต่นี้เป็นต้นไปเจ้าของเรือจะไม่ให้การใด ๆ แก่พนักงานสอบสวนทั้งสิ้น ถ้ามีคำให้การหรือการสอบสวนเพิ่มเติม ก็ถือให้คำให้การนั้นเป็นไปด้วยความมิชอบ เนื่องจากไม่มีทนายความอยู่ด้วย

เอกภพ ทองทับ

วันพุธ ที่ 15 สิงหาคม 2561, เวลา 09:47 น.

ภาพ เอกภพ ทองทับ

ภาพ เอกภพ ทองทับ

นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ ที่ปรึกษากฎหมายของผู้ประกอบการเรือฟีนิกซ์ เปิดเผยที่กองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ตว่า “นับตั้งแต่ที่เกิดเหตุการณ์เรือล่มที่จังหวัดภูเก็ต เมื่อวันที่ 5 กรกฎาคม 2561 ที่ผ่านมา ทำให้มีผู้เสียชีวิต ซึ่งขณะนี้สังคมและสาธารณะยังคงไม่ได้ทราบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับเรื่องของเจ้าของเรือ ตัวเรือ และบริษัทมากเท่าที่ควร”

“ความจริงแล้วอยากจะนำเรื่องนี้มาเปิดเผยตั้งแต่ช่วงที่เกิดเหตุใหม่ ๆ แต่ด้วยเหตุผลที่ว่ากระทบความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ และความกังวลเรื่องของผลกระทบต่อการท่องเที่ยวและระบบเศรษฐกิจของประเทศโดยรวม ซึ่งนางสาววรลักษณ์ ฤกษ์ชัยการ เจ้าของเรือฟีนิกซ์ (หรือยุ้ย) และบริษัท ทีซีบลู ดรีม จำกัด ได้มีการยอมรับการทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจและพนักงานสอบสวนในการทำคดีมาโดยตลอด และในขณะที่เรือฟีนิกซ์ล่มเจ้าของเรือและทีมงานบริษัทก็ยังได้ลงไปช่วยเหลือนักท่องเที่ยวด้วยตัวเอง และหลังจากมีผู้เสียชีวิตในวันรุ่งขึ้นก็ได้มีโอกาสไปช่วยเหลือสนับสนุนในเรื่องของอาหาร เครื่องดื่ม และสิ่งต่าง ๆ มาคอยบริการให้แก่อาสาสมัครและญาติผู้เสียชีวิตและในการช่วยกู้ภัย” นายนิพิฏฐ์ กล่าว

ทนายความเผยเตรียมยื่นหลักฐาน เจ้าหน้าที่ตำรวจมีการบีบบังคับให้เจ้าของเรือรับสารภาพว่าเป็นนอมินีบริษัทร่วมทุน พร้อมระบุว่าจากวันที่ยื่นหนังสือเจ้าของเรือจะไม่ให้การใด ๆ กับเจ้าหน้าที่ตำรวจทั้งสิ้น

“จนกระทั่งได้ถูกคดีในข้อหาประมาทและทำให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย ซึ่งทางทนายได้ดำเนินการยืนขอการประกันตัวและทางศาลไม่ให้การประกันตัวเจ้าของเรือ ทั้งนี้ได้ชมเชยเจ้าหน้าที่พนักงานตำรวจในพื้นที่จังหวัดภูเก็ตที่ทำคดีอย่างตรงไปตรงมามาโดยตลอด แต่ยังคงมีข้อขัดค้านในเรื่องของการแจ้งความดำเนินคดีในข้อหาการเป็นนอมินี ของตำรวจท่องเที่ยว ซึ่งก่อนหน้านี้ได้มีพนักงานสอบสวนซึ่งมาจากสำนักงานตำรวจท่องเที่ยวได้เข้าไปพบเจ้าของเรือและได้มีการบีบบังคับให้เจ้าของเรือรับสารภาพว่าเป็นนอมินีบริษัทร่วมทุน ซึ่งในขณะที่มีการสนทนากันได้มีการอัดคลิปเสียงไว้ทั้งหมด ซึ่งจะเป็นหลักฐานสำคัญในการยื่นฟ้องต่อศาล และสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ปปช.)” นายนิพิฏฐ์ อธิบาย

“ซึ่งในวันนี้ก็ได้เป็นตัวแทนเจ้าของเรือในการมายื่นหนังสือต่อ พล.ต.ต.ธีระพล ทิพย์เจริญ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต ว่าสิ่งใด ๆ ก็ตามที่เจ้าของเรือทำไปถือว่าเป็นโมฆะ นับตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปเจ้าของเรือจะไม่ให้การใด ๆ แก่พนักงานสอบสวนทั้งสิ้น ถ้ามีคำให้การหรือการสอบสวนเพิ่มเติม ก็ถือให้คำให้การนั้นเป็นไปด้วยความมิชอบ เนื่องจากไม่มีทนายความอยู่ด้วย”

พร้อมทั้งกล่าวต่อไปอีกว่าในส่วนของความผิดฐานใช้เรือไม่ได้มาตรฐาน ตนเองมั่นใจว่าบริษัททำถูกต้องตามกฎหมาย

“ในส่วนของเรือที่ไม่ได้มาตรฐาน ต้องไปตรวจสอบว่าผู้ที่ไปจดทะเบียนว่าเป็นใคร ซึ่งต้องแยกให้ออกว่าเป็นความประมาทหรือเป็นอุบัติเหตุ ซึ่งมีความมั่นใจว่าบริษัททำถูกต้องตามกฎหมาย ซึ่งในช่วงวันที่เกิดเหตุนั้นได้มีพายุลมแรงเกิดขึ้นซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้เกิดเรือล่ม”

สุดท้ายนายนิพิฏฐ์ กล่าวว่า “การต่อสู้คดีหลังจากนี้จะไปขอดำเนินการไต่สวนต่อศาล ว่าคำคัดค้านของตำรวจไม่มีเหตุผล แต่ใช้เสรีภาพของผู้ต้องหาต่อรอง และใช้ศาลเป็นเครื่องมือในการกักขังบุคคล ซึ่งจะมีการเดินทางไปยื่นต่อศาลและจะต่อสู้ตามวิถีทางของรัฐธรรมนูญและตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา”

 

 

แจ้งข่าว..คลิกที่นี่