โดยการปฏิบัติการเมื่อวานนี้ ทางทัพเรือภาคที่ 3 ใช้เรือหลวง 3 ลำ คือ เรือหลวงศรีราชาในการอำนวยการ เรือหลวงริ้นในการลากตัวเเท่นวัตถุลอยน้ำ และเรือหลวงมันใน ในการลากตัวบ้านวัตถุลอยน้ำ โดยขณะนี้วัตถุพยานทั้งหมดถูกนำมาพักไว้ที่บริเวณท่าเรือน้ำลึกภูเก็ต (อ่านเพิ่มเติม คลิก) จากนี้สถานีตำรวจภูธรวิชิต จะเข้าทำการตรวจสอบและดูแลวัตถุพยาน ในการดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
ทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เผยจากการตรวจสอบสัญญาณเบื้องต้น เชื่อว่าผู้ต้องหายังคงอาศัยอยู่ในประเทศไทย สำหรับสามีซึ่งเป็นชาวต่างชาติขณะนี้ทางตำรวจตรวจคนเข้าเมืองได้ทำการเพิกถอนวีซ่า (อ่านเพิ่มเติม คลิก) เเละดำเนินการออกหมายจับทั้งคู่แล้ว ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ ได้ทำการสอบปากคำผู้เกี่ยวข้องเป็นที่เรียบร้อยเเล้ว ในส่วนวัตถุพยานหลังจากนี้ทาง สถานีตำรวจภูธรวิชิต จะใช้เครนยกวัตถุลอยน้ำขึ้นมาบนฝั่งเพื่อนำมาตรวจสอบโดยละเอียดอีกครั้ง
ในเรื่องของการขยายผลดำเนินการเครือข่าย seasteading ในพื้นที่จังหวัดภูเก็ต ทางทัพเรือภาคที่ 3 ได้ฝากย้ำให้ช่วยกันสอดส่องดูเเล หากพบเจอให้เร่งเเจ้งผู้เกี่ยวข้องเพื่อดำเนินการใช้กฏหมายที่มีอยู่ในการควบคุมดูเเลต่อไป เนื่องจากกรณีดังกล่าวถือได้ว่าเป็นภัยคุกคามรูปแบบใหม่ที่เกิดขึ้นในประเทศไทยหรือในโลกก็ว่าได้ หากมีความเคลื่อนไหวหรือเหตุการณ์ที่สำคัญ สามารถแจ้งได้ที่ ศูนย์ปฏิบัติการ ทรภ.3 โทร. 076 391 598 ตลอด 24 ชั่วโมง
ในส่วนของการตรวจสอบบริษัทที่เกี่ยวเนื่องกับการก่อสร้าง นายภัคพงศ์ ยืนยันว่าได้มีการสั่งให้ตรวจสอบตามอำนาจหน้าที่แล้ว ซึ่งทางจังหวัดภูเก็ตจะดำเนินการตรวจสอบทุกอย่างโดยละเอียดอีกครั้ง