ทีเส็บลุยนำร่องสร้าง Thai MICE Connect อีมาร์เก็ตเพลสธุรกิจไมซ์ภาคใต้

ภูเก็ต - สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) หรือทีเส็บ เดินหน้าขับเคลื่อนอุตสาหกรรมไมซ์ไทย 4.0 อย่างเข้มแข็งและต่อเนื่อง ด้วยการสร้างอีมาร์เก็ตเพลสธุรกิจไมซ์ (E-MICE Marketplace) ลุยนำร่องภูมิภาคใต้ ผ่านภูเก็ตไมซ์ซิตี้

ข่าวภูเก็ต

วันศุกร์ ที่ 9 สิงหาคม 2562, เวลา 18:19 น.

พร้อมดึงกลุ่มจังหวัดทั้งฝั่งอันดามันและฝั่งอ่าวไทยสร้างโอกาสทางธุรกิจ ความเท่าเทียมทางการตลาดไมซ์ ด้วยการสร้างระบบฐานข้อมูลไมซ์ไทยเชื่อมโยงการค้าในอุตสาหกรรมไมซ์ทั้งระบบ เชื่อมั่นหนุนไทยสู่เบอร์หนึ่งจุดหมายปลายทางไมซ์ในใจนักท่องเที่ยวเชิงธุรกิจไมซ์ทั่วโลก พร้อมดัน GDP กลุ่มจังหวัดอันดามันโต 5 เท่าใน 20 ปี

วันนี้ (9 ส.ค.) ที่โรงแรมโนโวเทล ภูเก็ต โภคีธรา ทีเส็บจัดเสวนาหัวข้อ “วัตถุประสงค์ของโครงการ และ ประโยชน์ที่จะเกิดขึ้นจากโครงการ Thai MICE Connect สำหรับผู้ประกอบการทั้งรายใหญ่ รายย่อย และ กลุ่มลูกค้าไมซ์ในทุกระดับ” มุ่งเน้นในการเชื่อมโยงเครือข่ายธุรกิจไมซ์ที่ใหญ่ที่สุดในภูมิภาค โดยมีผู้ร่วมเสวนาประกอบด้วย นางศุภวรรณ ตีระรัตน์ รองผู้อำนวยการ สายงานพัฒนาและนวัตกรรม สสปน., นายก้องศักดิ์ คู่พงศกร นายกสมาคมโรงแรมไทยภาคใต้, นายรังสิมันต์ กิ่งแก้ว อุปนายกสมาคมธุรกิจการท่องเที่ยวจังหวัดภูเก็ต ฝ่ายแผนและพัฒนาการท่องเที่ยว และนายแอนโทนี่ ลาร์ค ประธานสมาคมโรงแรมภูเก็ต

นางศุภวรรณ กล่าวว่า ธุรกิจไมซ์เป็นเวทีหลักเชื่อมโยงหลากหลายอุตสาหกรรม ทั้งการท่องเที่ยว โรงแรมที่พัก อุตสาหกรรมการบริการและโลจิสติกส์ทั้งระบบ ทีเส็บในฐานะหน่วยงานรัฐมีบทบาทส่งเสริมอุตสาหกรรมไมซ์ภายใต้วิสัยทัศน์การทำงานตามนโยบายรัฐบาล 3 เป้าหมายหลัก คือ การสร้างรายได้ กระจายรายได้สู่ภูมิภาค และการพัฒนาอุตสาหกรรมไมซ์ด้วยนวัตกรรม เพื่อพัฒนาธุรกิจไมซ์ไทยอย่างเท่าเทียมและยั่งยืน

โดยผู้ร่วมเสวนาจากภูเก็ตต่างแสดงความชื่นชมและขอบคุณทีเส็บ ที่ได้เล็งเห็นความสำคัญของการพัฒนาข้อมูลไมซ์ระดับชาติ ที่มีส่วนสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศทั้งระบบ โดยเฉพาะอย่างยิ่งแนวทางการกระจายรายได้ และลดความเหลื่อมล้ำโดยใช้อุตสาหกรรมไมซ์นำ ด้วยการสร้างศูนย์กลางข้อมูลไมซ์ระดับชาติที่จะเป็นประโยชน์ กับทั้งหน่วยงานภาครัฐและเอกชน และเรียกร้องให้ผู้ประกอบการจากภูเก็ต ทั้งรายเล็กและรายใหญ่ ได้เข้ามาร่วมเป็นส่วนหนึ่งของโครงการดี ๆ และไม่มีค่าใช้จ่ายของทางทีเส็บ เพื่อสร้างความน่าสนใจให้กับสินค้าและบริการ ที่แน่นอนว่าภูเก็ตเองมีความพร้อมอยู่แล้ว ทั้งในคุณภาพและบริการระดับมืออาชีพ

ทั้งนี้ TCEB ขอเชิญผู้เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมไมซ์ นักธุรกิจ และประชาชนทั่วไป เข้าร่วมงานสัมมนา "Thai MICE Connect สัญจร" ซึ่งจะสัญจรมายังจังหวัดภูเก็ต ในวันอังคารที่ 13 สิงหาคม นี้ ผู้ที่สนใจสามารถติดตามข้อมูลและรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ เฟซบุ๊ก Thai MICE Connect (คลิก)

นางศุภวรรณ กล่าวว่า ทีเส็บผนึกกำลัง กับหน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชนกว่า 10 หน่วยงานเดินหน้ายกระดับธุรกิจไมซ์ผ่านนวัตกรรมข้อมูล ริเริ่มโครงการจัดเก็บข้อมูลผู้ประกอบการ สินค้าบริการของอุตสาหกรรมไมซ์ระดับภูมิภาค ภายใต้ชื่อ “Thai MICE Connect: E-MICE Marketplace” หรือแพลทฟอร์มรวบรวมฐานข้อมูลสินค้าบริการในทุกรูปแบบที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมไมซ์ทั่วประเทศที่ชัดเจน ถูกต้อง แม่นยำ ครบถ้วน ด้วยการพัฒนาให้เป็น E-Marketplace ของธุรกิจไมซ์ที่สมบูรณ์แบบที่สุดครั้งแรกของไทย

โครงการ “Thai MICE Connect” จะเป็นแพลทฟอร์มนวัตกรรมใหม่สำหรับวงการไมซ์ไทยในการยกระดับพัฒนาอุตสาหกรรมไมซ์ไทยให้สามารถแข่งขันได้บนแพลทฟอร์มการตลาดโลกใหม่ ซึ่งผู้ประกอบการต้องมีความพร้อมเรียนรู้และพัฒนา สร้างความน่าสนใจให้กับสินค้าและบริการเพื่อพร้อมเป็นตัวเลือกในแพลทฟอร์มรูปแบบ E- MICE Marketplace ที่จะมีสนับสนุนแคมเปญ “คลิ๊กติดใจ” ให้แก่ผู้ประกอบการขายที่เข้าร่วมลงทะเบียนในระบบและมีการอัพเดตข้อมูลสินค้าและบริการ ทั้งรูปภาพ ข้อความ โปรโมชั่น เพื่อให้สินค้าบริการเป็นที่น่าสนใจ โดยมีสิทธิประโยชน์มากมายให้ผู้ประกอบการขายเพื่อสร้างแรงจูงใจให้ผู้ประกอบการในโครงการฝึกฝนพัฒนาธุรกิจต่อยอดการขายและพบปะผู้ประกอบการซื้อให้มากขึ้น ในขณะเดียวกัน ทีเส็บได้พัฒนาการฝึกอบรมให้ความรู้ในรูปแบบ Training Workshop & Public Hearing ในการเสริมอาวุธความรู้ ด้านการจัดเก็บข้อมูล และการทำการตลาดดิจิตัล โดยผู้ร่วมอบรมสามารถแลกเปลี่ยนความคิดเห็นเพื่อนำไปดำเนินการพัฒนาต่อยอดระบบให้สอดคล้องกับความต้องการของผู้ใช้บริการได้อย่างแท้จริง โดยโครงการ Thai MICE Connect: E-MICE Marketplace เตรียมเปิดให้บริการอย่างเป็นทางการในวันที่ 15 ตุลาคมนี้

โครงการ “Thai MICE Connect” หรือโครงการจัดเก็บข้อมูลผู้ประกอบการ สินค้า บริการของอุตสาหกรรมไมซ์ระดับภูมิภาค แบ่งเป็น 2 เฟส คือ เฟสแรกในปีงบประมาณ 2562 ประกอบด้วย 3 พื้นที่หลัก ได้แก่ ภาคกลาง ภาคใต้ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และเฟสสองในปีงบประมาณ 2563 ประกอบด้วย 2 พื้นที่ คือ ภาคเหนือและภาคตะวันออก สำหรับภูมิภาคใต้ โดยเฉพาะพื้นที่จังหวัดภูเก็ต ถือเป็น เมืองต้นแบบในกลุ่มจังหวัดฝั่งอันดามัน อันประกอบด้วย จังหวัดภูเก็ต จังหวัดกระบี่ จังหวัดพังงา จังหวัดระนองและ จังหวัดตรัง ซึ่งเป็นกลุ่มจังหวัดสำคัญ ที่มีผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมไมซ์กระจายอยู่เป็นจำนวนมาก

จังหวัดภูเก็ตยังเป็นเมืองที่ได้รับการรับรองจากองค์การการศึกษาวิทยาศาสตร์และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ (UNESO) ให้เป็นเมืองสร้างสรรค์วิทยาการด้านอาหาร Creative City Gastronomy แห่งแรกในภูมิภาคอาเซียน โดยรัฐบาลได้กำหนดยุทธศาสตร์ให้จังหวัดภูเก็ตเป็นเป้าหมายของการพัฒนาในระยะยาว ประกอบด้วย 4 M ได้แก่ Marina Hub เพื่อพัฒนาเป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยวทางทะเลของภูมิภาค, Medical Hub เพื่อพัฒนาเป็นศูนย์กลางทางการแพทย์และการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ, Mice City เพื่อพัฒนาเป็นศูนย์กลางของการประชุมและจัดนิทรรศการนานาชาติ, Manpower Development เพื่อพัฒนาเป็นศูนย์กลางของการพัฒนาบุคลากร ด้านการท่องเที่ยว และเป็นเมืองท่องเที่ยวระดับโลกอย่างแท้จริง และ 3 S ได้แก่ Sport Tourism เพื่อพัฒนาเป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยวเชิงกีฬา,Smart City เพื่อพัฒนาภูเก็ตไปสู่ความทันสมัย เป็นศูนย์กลางเมือง Digital และรองรับการเป็นเมืองท่องเที่ยวระดับโลกอย่างแท้จริง และ Sustainable Development เป็นการพัฒนาโดยมีเป้าหมายเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืนอย่างสมดุลในทุกด้าน

โดยได้รับงบประมาณการลงทุนเมกะโปรเจ็คจากรัฐบาลเป็นจำนวนถึง 1.25 แสนล้านบาท โดยทีเส็บได้มีการวางยุทธศาสตร์ให้ภูเก็ตเป็นเมืองไมซ์ หรือ ไมซ์ซิตี้ ด้วยการขยายการลงทุนสร้างความเจริญและรองรับการเติบโตของภูมิภาค จังหวัดภูเก็ตยังได้มีแผนการสร้างสนามบินภูเก็ตแห่งที่สองที่คาดว่าจะสามารถให้บริการภายในปี 2570 โครงการรถไฟฟ้ารางเบา เชื่อมต่อท่าอากาศยานแห่งที่ 2 – ตัวเมือง และแหล่งท่องเที่ยวทางทะเล เพื่อรองรับการขยายตัวของนักเดินทางท่องเที่ยวในกลุ่มธุรกิจอีกด้วย

ซึ่งคาดว่าจะสามารถพร้อม ให้บริการได้ในปี 2568 แผนการขยายเส้นทางหลักจากสนามบิน เข้าสู่ตัวเมืองภูเก็ต โครงการทางด่วนกระทู้– ป่าตอง เพื่อเพิ่มความคล่องตัวในการเดินทาง รองรับระบบขนส่งให้ครอบคลุมขึ้น ตลอดจนการเพิ่มความถี่รถเมล์สายเดิม และเพิ่มรถเมล์สายใหม่ รองรับการเข้าถึงสถานที่ท่องเที่ยวและสถานที่สำคัญใจกลางเมืองมากยิ่งขึ้น รวมถึงโครงการพัฒนาท่าเรือสำราญ และท่าเรือขนาดใหญ่ ประกอบกับในตลอด 3 ปีที่ผ่านมาเอกชนมีแผนการลงทุนสร้างศูนย์ประชุมขนาดใหญ่ 4 แห่ง ตลอดจนมีการเพิ่มสัดส่วนการลงทุนหอประชุมในพื้นที่ภูเก็ตมีตัวเลขการลงทุนเพิ่มขึ้น 15% ต่อปี ซึ่งคาดว่า จะสามารถรองรับการจัดประชุมระดับสากลได้ ถึง 30,000 คนต่อวัน โดยมุ่งสู่การเป็นไมซ์ซิตี้ของภูมิภาคเอเชีย

 

 

 

แจ้งข่าว..คลิกที่นี่