นักธุรกิจภูเก็ตพร้อมรับนทท.วีซ่าพิเศษ แม้ไม่ตรงจุดภูเก็ตแต่เป็นการเริ่มต้นที่ดี

ภูเก็ต - นักธุรกิจภูเก็ตเตรียมพร้อมต้อนรับนักท่องเที่ยว ที่กำลังจะเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวยังเกาะภูเก็ตและประเทศไทยตั้งแต่เดือนตุลาคมนี้เป็นต้นไป ภายหลังจากคณะรัฐมนตรีได้มีมติอนุมัติเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยวประเภทพิเศษ (Special Tourist VISA หรือ STV) สำหรับชาวต่างชาติที่ต้องการเข้ามาพักระยะยาว (Long Stay) ในประเทศไทย โดยนักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้ามาจะต้องถูกกักตัวในห้องพักที่รัฐบาลจัดให้เป็นเวลา 14 วัน (ALSQ)

ข่าวภูเก็ต

วันอาทิตย์ ที่ 27 กันยายน 2563, เวลา 09:00 น.

วีซ่าพิเศษ ครม.เปิดรับนักท่องเที่ยวประเภทพิเศษ ระยะยาว 9 เดือน กระตุ้นเศรษฐกิจ

วีซ่าพิเศษ ครม.เปิดรับนักท่องเที่ยวประเภทพิเศษ ระยะยาว 9 เดือน กระตุ้นเศรษฐกิจ

สำหรับแนวทางการเปิดรับนักท่องเที่ยวประเภทพิเศษ ตามที่กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาเสนอนั้นจะเริ่มขึ้นในเดือนตุลาคมนี้ ทางรัฐบาลตั้งเป้ารับนักท่องเที่ยวได้เดือนละ 1,200 คน เพื่อกระตุ้นการท่องเที่ยว ซึ่งคาดว่าจะสามารถสร้างรายได้เดือนละ 1,200 ล้านบาท

นายปรีชาวุฒิ กี่สิ้น ประธานมูลนิธิพัฒนาป่าตอง เปิดเผยกับ ข่าวภูเก็ต เมื่อวันอังคารที่ 22 กันยายนที่ผ่านมาว่า แนวทางการเปิดรับนักท่องเที่ยวประเภทพิเศษของรัฐบาลถือเป็นการเริ่มต้นที่ดี ภายใต้การควบคุมดูแลนักท่องเที่ยวตามมาตรการของสาธารณสุข แม้จะเป็นเพียงก้าวเล็ก ๆ แต่ก็ถือว่าเป็นการเริ่มต้นสู่การเปิดประตูรับนักท่องเที่ยวในอนาคต

“นับเป็นการเริ่มต้นที่ดี ถือว่าทางรัฐบาลได้มีการแง้มประตูเล็ก ๆ เพื่อเปิดโอกาสในการรองรับนักท่องเที่ยวจำนวนมากขึ้นในอนาคต” นายปรีชาวุฒิ กล่าว

“แม้ว่านโยบายการช่วยเหลือจังหวัดภูเก็ตของทางรัฐบาลจะยังไม่ชัดเจน และโอกาสที่จำนวนนักท่องเที่ยวเข้ามาจะน้อยลง แต่เราอาจจะได้เห็นผู้ที่มีความประสงค์จะเข้ามาพักในระยะยาว มาใช้ชีวิตหรือทำงานมากขึ้น นับว่าเป็นเรื่องที่ดีในแง่ของการฟื้นฟูเศรษฐกิจ เพราะรัฐบาลต้องทำอะไรสักอย่าง เพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจให้เดินหน้าต่อไปให้ได้ ในวันที่ป่าตองยังไม่สามารถปรับตัวในการรองรับนักท่องเที่ยวชาวไทยได้อย่างเต็มที่”

“อย่างน้อยการรับนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติเข้ามาพักในโรงแรม ก็ยังทำให้เกิดการจ้างงาน ทั้งในส่วนของพนักงานโรงแรมและอาชีพบริการ เช่น รถบริการต่าง ๆ ก่อนที่จะมีการขยายวงของการใช้จ่ายให้กว้างออกไป ซึ่งเข้าใจว่าเรื่องนี้ต้องใช้เวลา” นายปรีชาวุฒิ กล่าว

สำหรับนักท่องเที่ยวที่ประสงค์ที่จะเดินทางเข้ามาในประเทศไทยจะต้องแสดงหลักฐานการชำระเงินค่าโรงแรมที่พัก (ALSQ) หรือโรงพยาบาลที่พัก (AHQ) ภายในประเทศไทย หรือหลักฐานอย่างใดอย่างหนึ่งต่อไปนี้ หลักฐานการจ่ายค่าโรงแรมที่พักหลังออกจากโรงแรมหรือโรงพยาบาลที่กักตัว, หลักฐานสำเนาโฉนดคอนโดมิเนียม และหลักฐานค่าเช่าคอนโดมิเนียม หรือหลักฐานการจ่ายเงินดาวน์ซื้อหรือเช่าที่พักอาศัยประเภทคอนโดมิเนียมที่บุคคลต่างด้าวซื้อได้ตามกฎหมาย

ผู้ที่ผ่านเกณฑ์ที่กระทรวงกระทรวงสาธารณสุขและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกำหนด มีสิทธิวีซ่าประเภทนักท่องเที่ยวเป็นพิเศษ Special Tourist Visa (STV) โดยเสียค่าธรรมเนียมการขอวีซ่า ครั้งละ 2,000 บาท ซึ่งจะได้รับอนุญาตให้อยู่ในประเทศไทยเป็นเวลา 90 วัน และขอต่อวีซ่าได้อีก 2 ครั้ง ครั้งละ 90 วัน รวม 270 วัน (9 เดือน)

นักท่องเที่ยวต้องแจ้งความประสงค์เดินทางเข้าประเทศไทยผ่านบริษัทตัวแทนของ ททท. เท่านั้น โดยจะเปิดรับนักท่องเที่ยวครั้งละ 100 คน รวม 1,200 คนต่อเดือน และรับความจำนงนักท่องเที่ยว STV ไปจนถึงวันที่ 30 กันยายน 2564 คาดว่าจะมีเม็ดเงินเข้าประเทศไม่ต่ำกว่าเดือนละ 1,200 ล้านบาท

ซึ่งทางด้าน น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า แนวทางการเปิดรับนักท่องเที่ยวประเภทพิเศษนี้ เพื่อต้องการนำนักท่องเที่ยวที่มีศักยภาพ เดินทางเข้ามาในประเทศไทย ช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจ อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวและธุรกิจเกี่ยวเนื่อง ส่งผลให้เกิดการหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจของประเทศไทยโดยรวม

ในขณะที่ผู้ประกอบการสถานบันเทิงถนนบางลารายหนึ่งเปิดเผยกับ ข่าวภูเก็ต ว่าแนวทางดังกล่าวไม่ได้ถูกกำหนดขึ้นมาเพื่อสนับสนุนการเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวอย่างเต็มรูปแบบตามบริบทของภูเก็ต

“โดยส่วนตัวแล้วคิดว่าแนวทางนี้ไม่ได้มีขึ้นเพื่อสนับสนุนการท่องเที่ยวอย่างเต็มที่ คิดว่าเป็นการเปิดโอกาสให้สำหรับกลุ่มชาวต่างชาติที่พักอาศัยอยู่ในจังหวัดภูเก็ต หรือกลุ่มคนที่มีธุรกิจในประเทศไทยหรือภูเก็ตมากกว่า เพราะเข้าใจว่าบางคนไม่ได้พบหน้าครอบครัวมามากกว่า 6 เดือนแล้ว สำหรับแนวทางการเปิดรับนักท่องเที่ยวประเภทพิเศษนี้ ธุรกิจที่น่าจะได้รับประโยชน์มากที่สุดน่าจะเป็นโรงแรมที่ผ่านการตรวจประเมิน Alternative State Quarantine (ASQ) โดยกระทรวงสาธารณสุข เพื่อใช้ในการกักตัวมากกว่า” เขากล่าว

“อย่างไรก็ตาม การแนวทางนี้ถือเป็นการเปิดประตูรับนักท่องเที่ยวในขั้นแรก ภายใต้การควบคุมโรคเพราะทุกคนต้องผ่านการดำเนินการควบคุมการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อโควิด-19 ตามที่กระทรวงสาธารณสุขและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกำหนด ซึ่งดีกว่าการปิดประเทศอย่างแน่นอน”

ข้อมูล : สำนักข่าว กรมประชาสัมพันธ์



 

 

แจ้งข่าว..คลิกที่นี่