นายกลงพื้นที่ภูเก็ต ติดตามความคืบหน้าเหตุเรือล่ม สั่งตรวจสอบหน่วยงานไทยละเลยหน้าที่จนเกิดเหตุโศกนาฏกรรมนี้

ภูเก็ต – วันนี้ ( 9 ก.ค.61) เมื่อเวลา 13.00 น. พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี พร้อมพลเอกอนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีกระทรวงมหาดไทย นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม และคณะ เดินทางมาตรวจเยี่ยมศูนย์บัญชาการเหตุการณ์ช่วยเหลือผู้ประสบภัยเรือล่ม จังหวัดภูเก็ต(ท่าเทียบเรืออ่าวฉลอง) ยืนยันรัฐบาลอำนวยความสะดวกผู้ประสบภัยและญาติกรณีเรือล่มภูเก็ต ย้ำให้ความช่วยเหลืออย่างเต็มที่ พร้อมกำชับหาสาเหตุให้แน่ชัด ชี้ลงโทษเด็ดขาดหากพบเป็นทัวร์ศูนย์เหรียญหรือเจ้าหน้าที่ละเลยหน้าที่ พร้อมแสดงความเสียใจต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

เอกภพ ทองทับ

วันจันทร์ ที่ 9 กรกฎาคม 2561, เวลา 17:56 น.

นายกรัฐมนตรี กล่าวภายหลังการรับฟังบรรยายสรุปของศูนย์ฯ ว่าตั้งใจที่จะมาหลายวันแล้ว แต่เนื่องจากติดภารกิจหลายประการด้วยกันซึ่งล้วนเป็นภารกิจที่มีความสำคัญเท่ากัน โดยตนให้ความสำคัญกับทุกภารกิจอย่างเท่าเทียมกัน ขณะนี้มีเหตุการณ์หลัก คือ ที่ภูเก็ตกับเหตุการณ์ช่วยเหลือเด็กออกจากถ้ำหลวง จ.เชียงราย รวมถึงการบริหารราชการแผ่นดิน ซึ่งเรากำลังมีการพัฒนาในหลายเรื่องด้วยกัน

“การเดินทางมาในครั้งนี้ เป็นเรื่องที่น่ายินดีว่า ได้มีโอกาสพบกับนายหลู่ว เจี้ยน เอกอัครราชทูตจีนประจำประเทศไทย ตัวแทนของทางการจีนและผู้ช่วยทูตฝ่ายทหาร ซึ่งได้นำข้อความจากประธานาธิบดีจีนมายังตน ซึ่งไม่ได้มีการกดดันหรือกำชับใดๆ เป็นพิเศษ เพียงแต่ขอให้ทางการไทยช่วยดูแลผู้บาดเจ็บและสูญเสียจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างเต็มที่

ซึ่งได้มีการแจ้งแนวทางการทำงานผ่านกระทรวงการต่างประเทศไปแล้ว นอกจากนี้ยังได้บอกกับทางเอกอัครราชทูตจีนให้เข้าใจว่า ไทยกับจีนเราเป็นพี่น้องกันมาเป็นเวลาหลายร้อยปี ไม่ว่าจะเป็นคนจีนหรือคนไทย คือ คนประเทศเราเช่นเดียวกัน และในการช่วยเหลือต่าง ๆ เป็นการดำเนินการตามมาตรฐานสากลอยู่แล้ว และขณะเดียวกันเราจะต้องดูแลคนทุกประเทศที่เข้ามาอาศัยอยู่ หรือท่องเที่ยวในประเทศไทยทุกคนเช่นเดียวกัน”

นายกรัฐมนตรี กล่าวด้วยว่า จะได้มีการหารือกันต่อไปว่าจะต้องปรับปรุงอย่างไรหากเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ รวมถึงความร่วมมือระหว่างประเทศด้วย โดยเฉพาะจีนซึ่งพร้อมให้ความร่วมมือและแลกเปลี่ยนประสบการณ์ซึ่งกันและกัน เพราะเหตุการณ์เช่นนี้ไม่ได้เกิดเฉพาะในประเทศไทย แต่สามารถเกิดได้ในทุกประเทศ

“การมาวันนี้เพื่อให้กำลังใจกับผู้ปฎิบัติงานทุกคนไม่ได้มาเพื่อตำหนิใคร เพราะตนเป็นนายกรัฐมนตรี เป็นหัวหน้ารัฐบาล ไม่ว่าจะดีหรือไม่ดีก็เป็นความรับผิดชอบของตนทั้งหมด และขอร้องให้ทุคนทำให้ดีที่สุด เพราะเราคือคนไทยด้วยกัน และคนจีนก็ถือเป็นพี่น้องของเราทั้งสิ้น นอกจากนี้ผุ้ประกอบการจีน จะมีการลงทุนเป็นอันดับต้น ๆ เหมือนกับประเทศอื่น ๆ เช่นเดียวกัน ต้องรักษามิตรเหล่านี้ไว้ให้ได้ ต้องช่วยกันอย่าทำอะไรที่ไม่สมควรจะทำ หรือทำอะไรที่ผิดกฎหมาย ทำอะไรต้องคิดว่าเราเป็นเจ้าภาพที่ดี ให้สมกับที่เรามีความสัมพันธ์กันมายาวนานกว่าหลายร้อยปีที่ผ่านมา”

ทั้งนี้พลเอกประยุทธ์ กล่าวในตอนท้ายว่า วันนี้จะต้องเคลียร์ทุกอย่างให้เรียบร้อย และต้องวางแผนการดำเนินการต่อไป เพราะฉะนั้นในการออกเรือทุกคนจะต้องฟังประกาศของทางราชการ และเรือทุกลำที่ออกนอกน่านน้ำจะต้องฟังคำเตือนของราชการ หากมีเหตุการณ์เกิดขึ้นอีกก็ต้องมาตรวจสอบว่าที่ประกาศออกไปนั้นมีการปฎิบัติกันอย่างไร ถูกต้องหรือไม่ ดังนั้นความผิดก็จะกลับมาที่เจ้าหน้าที่ ฉะนั้นทุกคนต้องมีการความรับผิดชอบร่วมกัน นี่คือการทำงานแบบประชารัฐ เพราะเมื่อเกิดการสูญเสียเราไม่สามารถเรียกร้องกลับมาได้ แต่จะต้องไม่ให้มีการสูญเสียอีกต่อไป นั่นคือประเด็นสำคัญ

“ขอเน้นย้ำว่า รัฐบาลจะสืบสวนค้นหาความเป็นจริงถึงสาเหตุของอุบัติเหตุในครั้งนี้ หากมีความเกี่ยวข้องกับทัวร์ศูนย์เหรียญจะดำเนินการอย่างเด็ดขาด โดยเชื่อมั่นว่าทางการจีนจะร่วมมือกับไทยในการแก้ไขปัญหานี้ร่วมกันอย่างจริงจัง เพราะที่ผ่านมาทัวร์ศูนย์เหรียญส่งผลกระทบต่อคุณภาพการให้บริการ ภาพลักษณ์การท่องเที่ยว ตัวนักท่องเที่ยวเอง และอีกหลายด้าน พร้อมทั้งกำชับให้ตรวจสอบด้วยว่ามีหน่วยงานใดของไทยที่รู้เห็นเป็นใจ หรือละเลยการปฏิบัติหน้าที่จนเป็นเหตุให้เกิดโศกนาฏกรรมครั้งนี้ด้วยหรือไม่”

อย่างไรก็ตามก่อนปิดการแถลงข่าวนายกรัฐมนตรีได้กล่าวขอบคุณชาวจีนทุกคน ด้วยคำภาษาจีนว่า “เซี่ยเซี่ย”

หลังจากประชุมติดตามปฏิบัติการค้นหาผู้สูญหายที่ศูนย์บัญชาการเหตุการณ์ช่วยเหลือผู้ประสบภัยเรือล่ม จ.ภูเก็ต ที่ท่าเทียบเรืออ่าวฉลอง แล้ว พล.อ.ประยุทธ์ และคณะเดินทางไปเยี่ยมผู้บาดเจ็บและครอบครัวของผู้ประสบภัย ที่โรงพยาบาลอบจ.ภูเก็ต และโรงพยาบาลวชิระภูเก็ต พร้อมมอบกระเช้าดอกไม้ กระเช้าผลไม้ให้กับผู้ป่วยหรือญาติผู้ป่วย

สำหรับการเดินทางลงพื้นที่ของนายกฯในครั้งนี้ ศูนย์บัญชาการฯ จ.ภูเก็ตรายงานว่า จะมีการจัดตั้งศูนย์อำนวยอำนวยความสะดวกพิธีกรรมทางศาสนา ณ วัดโฆษิต จ.ภูเก็ต ทำหน้าที่ดูแลอำนวยความสะดวกต่าง ๆ ทั้งเรื่องเอกสารและพิธีกรรมจนเสร็จสิ้นสมบูรณ์ และเดินทางกลับพร้อมอัฐิ โดยจะส่งต่อให้ศูนย์ประสานงานที่สนามบินดูแลอำนวยความสะดวกต่อไป โดยมีวัฒนธรรมจังหวัดเป็นหน่วยประสานงานหลัก บูรณาการเจ้าหน้าที่จากกรมการศาสนา สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ มูลนิธิกุศลธรรม ศูนย์แก้ไขปัญหาการหลอกลวงและช่วยเหลือนักท่องเที่ยว และกระทรวงการต่างประเทศ

นอกจากนี้ เทศบาลนครภูเก็ตจะจัดทีมทะเบียนราษฎร์ไปให้บริการออกใบมรณะบัตรและที่โรงพยาบาลวชิระภูเก็ตและที่วัด ซึ่งวัดที่ใช้ประกอบพิธีฌาปนกิจมีทั้งหมด 15 แห่ง จัดพิธีได้สูงสุดวัดละ 2 ศพ/วัน และวัดม่าหนิก เผาได้ 4 ศพ/วัน

หากเป็นพิธีทางศาสนาคริสต์ ถ้าญาติประสงค์จะฝัง สามารถฝังได้ที่สุสานคริสเตียน แต่ถ้าเผาจะต้องเผาที่วัดเช่นกัน และมีศิษยาภิบาลคอยอำนวยความสะดวกทำพิธีให้ ส่วนพิธีทางศาสนาอิสลาม จะมีมัสยิดทั้งหมด 58 แห่ง โดยมีโต๊ะอิหม่ามประจำมัสยิดดูแลทำพิธีให้ และกรณีนำศพกลับประเทศ บริษัทสกายเทรด เซอร์วิส ซึ่งบริการด้านการขนส่งคาโก้จะช่วยขนส่งศพกลับประเทศ โดยจะให้บริการครบวงจรตั้งแต่แพ็คหีบห่อ และเรื่องเอกสารทั้งต้นทางและปลายทาง ซึ่งทางกระทรวงการต่างประเทศจะยกเว้นค่าธรรมเนียมการแปลเอกสารและรับรองทุกชนิด ส่วนค่าธรรมเนียมการต่ออายุวีซ่า ทางสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองจะยกเว้นค่าธรรมเนียมสำหรับผู้ประสบภัยทุกกรณี

ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรียังได้กำชับเจ้าหน้าที่และแพทย์ให้ดูแลผู้ป่วยทุกคนอย่างดีที่สุด ส่วนการส่งศพของผู้เสียชีวิตกลับประเทศ รัฐบาลพร้อมช่วยเหลือดำเนินการให้หลังจากตรวจสอบอัตลักษณ์บุคคลเรียบร้อยแล้ว จะดำเนินการส่งกลับให้ทันที โดยเครื่องบิน C130

ข้อมูลเพิ่มเติม: ศูนย์ข้อมูลประชาสัมพันธ์ร่วม กรมประชาสัมพันธ์

 

 

แจ้งข่าว..คลิกที่นี่