นายกฯ สั่งสอบบริษัทขายตรง ลอยแพสมาชิกทัวร์ญี่ปุ่น

นายกรัฐมนตรี สั่งสอบบริษัทขายตรงลอยแพสมาชิกไปทัวร์ญี่ปุ่น แนะคนไทยอย่าเชื่อคนง่าย ด้าน ผบก.ทท.เผย เจ้าของบริษัทมีประวัติเคยหลอกผู้เสียหายมาแล้วหลายครั้ง

โพสต์ทูเดย์

วันพุธ ที่ 12 เมษายน 2560, เวลา 16:11 น.

ภาพโดย โพสต์ทูเดย์

ภาพโดย โพสต์ทูเดย์

เมื่อเวลา 09.30 น. วันนี้ (12 เม.ย.) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ หรือ คสช. กล่าวถึงเหตุการณ์เมื่อคืนวันที่ 11 เม.ย.ที่ผ่านมา โดยมีประชาชนกว่า 2,000 คน ที่ถูกหลอกขายอาหารเสริมและทัวร์ญี่ปุ่น ตกค้างอยู่ที่สนามบินสุวรรณภูมิว่า เบื้องต้นกำลังตรวจสอบในเรื่องดังกล่าวอยู่ ซึ่งเวลาจะทำอะไรก็ตามต้องตรวจสอบให้ดีว่าบริษัทนั้นเขาเป็นอย่างไร เมื่อเกิดเหตุการณ์ขึ้นมานักท่องเที่ยวก็ไม่ได้ไปเที่ยวตามที่ตั้งใจไว้ เพราะสิ่งสำคัญคนไทยมักเชื่ออะไรง่ายๆ ซึ่งเวลาตนเองพูดมักไม่ค่อยเชื่อ แต่เวลาคนอื่นพูดกลับเชื่อและเกิดการโกงกันขึ้น ดังนั้นขออย่าไปเชื่ออะไรง่ายๆ จะต้องตรวจสอบคำพูด เช็ครายละเอียด และตรวจสอบ รวมทั้งแชร์อะไรต่างๆ ด้วย

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวด้วยว่า รัฐบาลต้องการเข้าไปดูแล แต่ทุกคนกลับมีความผิด และกฏหมายไม่สามารถทำได้ ดังนั้นต้องปล่อยให้มีการฟ้องร้องและปล่อยให้คดีเข้าไปในศาล ซึ่งตนเองไม่เคยเร่งคดีใครทั้งสิ้น เพียงแต่เอาคดีต่างๆเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมเท่านั้น จากนั้นก็เป็นเรื่องของศาลและอัยการก็ว่ากันไป อย่างไรก็ตาม นายกรัฐมนตรียังขอให้มีประชาชนกว่า 2,000 คน เดินอย่างไปไหนอย่างปลอดภัยและได้ไปตามหวัง

ด้าน พล.ต.ต.ประเสริฐ เงินยวง ผบก.ทท. เปิดเผยถึงว่า ขณะนี้จากการสอบถามผู้เสียหายและการสืบสวนสอบสวนในเบื้องต้นทราบว่าผู้เสียหายทั้งหมดถูกหลอกโดยบริษัทขายตรงแห่งหนึ่งว่า หากซื้อสินค้าครบตามจำนวนเงินจะสามารถเดินทางไปท่องเที่ยวที่ประเทศญี่ปุ่นได้ โดยมีการเช่าเหมาลำเครื่องบินไว้จำนวน 6 ลำ แต่เมื่อเดินทางมาถึงกลับพบว่าไม่มีเที่ยวบินอย่างที่ได้มีการแจ้งไว้ทำให้มีผู้เสียหายตกค้างที่สนามบินจำนวนมาก

เบื้องต้นตำรวจท่องเที่ยวได้แนะนำให้ผู้เสียหายทั้งหมดเดินทางกลับภูมิลำเนาไปก่อน และเข้าแจ้งความที่สน.ในพื้นที่ที่พักอาศัยอยู่ หรือเข้าแจ้งความที่กองบังคับการปราบปราม ถนนพหลโยธิน เพื่อให้พนักงานสอบสวนของกองปราบปรามสอบสวนรายละเอียดข้อมูล ก่อนดำเนินการออกหมายจับผู้ต้องหา คือ เจ้าของบริษัทขายตรงดังกล่าว ทั้งนี้พบว่าในช่วงหลายปีที่ผ่านมามีการหลอกผู้เสียหายมาแล้วหลายครั้ง โดยวันนี้น่าจะมีผู้เสียหายประมาณ 30 คนจะเข้าไปแจ้งความที่กองบังคับการปราบปรามเป็นชุดแรกก่อน จากนั้นจะมีชุดอื่นๆทยอยเข้าไปแจ้งความเพิ่มเติม ส่วนในพื้นที่ต่างจังหวัดจะมีการประสานให้ตำรวจในแต่ละพื้นที่ส่งข้อมูลการสอบสวนผู้เสียหายเข้ามาที่กองปราบปรามเพื่อรวมดำเนินคดีที่เดียว

พล.ต.ต.ประเสริฐ กล่าวต่อว่า จากการสอบสวนเบื้องต้นพบว่า คดีนี้น่าจะมีมูลค่าความเสียหายรวมมากกว่า 10 ล้านบาท และเชื่อว่ายังมีผู้เสียหายที่เราเดินทางในวันอื่นๆอีกจำนวนมากกว่านี้อีกหลายร้อยคน เบื้องต้นจากการติดต่อไปที่บริษัทดังกล่าวพบว่ามีการประกาศยกเลิกการเดินทางไปประเทศญี่ปุ่นในทุกรอบเที่ยวบินแล้ว

จึงขอประชาสัมพันธ์ให้ผู้ที่ร่วมลงทุนกับบริษัทขายตรงดังกล่าวเข้าแจ้งความกับตำรวจทันทีทั้งนี้มีรายงานว่าชุดสืบสวนสอบสวนกองบังคับการปราบปรามได้รับเรื่องข้อมูลจากผู้เสียหายจำนวนหนึ่งและทราบตัวของคนร้ายแล้ว ขณะนี้อยู่ระหว่างการสืบสวนว่าตัวผู้ต้องหาหลบซ่อนตัวอยู่ในพื้นที่ใดก่อนจะเข้าไปดำเนินการจับกุมมาดำเนินคดี จากการตรวจสอบประวัติอาชญากรพบว่าเจ้าของบริษัทดังกล่าวมีหมายจับในคดีฉ้อโกงหลายหมาย แต่มีการยอมความกันไป เนื่องจากมีการคืนเงินให้กับผู้เสียหาย จึงมีการถอนคดี

 

 

แจ้งข่าว..คลิกที่นี่