นายกฯลั่นหากไม่ร่วมมือป้องกันโรค อาจต้องกลับมาใช้เคอร์ฟิวใหม่

เมื่อวันที่ 15 มิ.ย. 63 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ระบุว่า หลังจากที่ผ่อนคลายมาตรการในระยะที่ 4 แล้ว ต้องดูว่าสถิติการแพร่ระบาดภายในประเทศแต่ละวันจะเพิ่มขึ้นหรือไม่ อย่างไร แต่สถานการณ์ในขณะนี้โชคดีที่พบว่าเป็นผู้ที่รับเชื้อมาจากต่างประเทศ และอยู่ในสถานที่กักกันตัวของรัฐ หรือ State Quarantine จึงสามารถควบคุมการแพร่ระบาดได้

โพสต์ทูเดย์

วันจันทร์ ที่ 15 มิถุนายน 2563, เวลา 15:18 น.

ภาพ โพสต์ทูเดย์

ภาพ โพสต์ทูเดย์

"ในช่วงแรก ประชาชนยังไม่ได้รับความร่วมมือ แต่วันนี้ได้เห็นประโยชน์ว่าที่ทำไปแล้วได้ผลดีอย่างไร ทุกอย่างอาจจะไม่เสรี 100% เพราะด้วยข้อจำกัดด้านสุขภาพ ซึ่งหากมีการผ่อนปรนไปแล้ว แต่ไม่ได้รับความร่วมมือ ทุกอย่างก็ต้องกลับเข้าสู่ที่เดิม สิ่งที่เป็นห่วงคือ ไม่อยากให้ทุกอย่างกลับสู่ที่เดิม เพราะจะเกิดผลกระทบกับเศรษฐกิจและสุขภาพ" นายกรัฐมนตรีกล่าว
สำหรับมาตรการคลายล็อก ระยะ 4 นั้น นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ประชาชนต้องร่วมมือกัน ซึ่งเมื่อคืนที่ผ่านมาก็พบว่ามีเด็กวัยรุ่นออกมาจับกลุ่มแข่งรถจักรยานยนต์ นี่คือคนที่ไม่ให้ความร่วมมือ เพราะฉะนั้นสังคมและผู้ปกครองต้องช่วยกัน และหากยังเป็นเช่นนี้ ก็จะกลับมาประกาศเคอร์ฟิวใหม่ ถ้าทุกคนไม่รู้จักควบคุมตัวเอง

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เป็นหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ต้องควบคุมดูแลกรณีที่เด็กวัยรุ่นออกมาแข่งรถจักรยานยนต์ ที่แม้ไม่มีเคอร์ฟิวก็ต้องถูกจับกุมอยู่แล้ว และวันนี้จับกุมต้องถูกจำคุกทันที และค่อยพิจารณาเรื่องการประกันตัวต่อไป เพราะถือเป็นการสร้างความรำคาญให้ผู้อื่นและอาจทำให้เกิดการแพร่ระบาดของโรค ซึ่งวันนี้ยังมีการประกาศใช้ พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉินอยู่ พร้อมกับให้เจ้าหน้าที่ปรับเปลี่ยนจากด่านเคอร์ฟิวเป็นด่านจับกุมเด็กวัยรุ่นแทน

นายกรัฐมนตรี กล่าวอีกว่า ขณะที่สถานประกอบการทั้งหมดต้องช่วยกันดูแลตามมาตรการผ่อนคลายของรัฐ และต้องขอบคุณผู้ประกอบการที่มีมาตรการเพิ่มเติมอีก ถือเป็นการช่วยชาติ ช่วยประชาชน และช่วยธุรกิจตัวเองด้วย ขณะที่รัฐบาลได้ดำเนินการในระดับนโยบายตามลำดับจนสถานการณ์ดีขึ้น แต่ทุกอย่างต้องอยู่ที่ความร่วมมือของประชาชนด้วย

อ่านโพสต์ทูเดย์ คลิก

 

 

แจ้งข่าว..คลิกที่นี่