บิ๊กโจ๊กอายัดทรัพย์เครือข่ายละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา 240 ล้านบาท เตรียมสาวถึงต้นตอนำเข้า

ภูเก็ต – วานนี้ (17 ธ.ค.) ที่กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 8 พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล ผู้บัญชาการตำรวจตรวจคนเข้าเมือง พร้อมด้วย พล.ต.ท.พงษ์วุฒิ พงษ์ศรี ผบช.ภ.8 และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องร่วมกันแถลงข่าวยุทธการ “ขุดรากถอนโคนเครือข่ายละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา” ตลาดป่าตอง จังหวัดภูเก็ต และ ตลาดไนท์ไนซ์บาร์ซาร์ จังหวัดเชียงใหม่ อายัดทรัพย์สินมูลค่ากว่า 240 ล้านบาท แบ่งเป็นภูเก็ต 200 ล้าน เชียงใหม่ 40 ล้าน

เอกภพ ทองทับ

วันอังคาร ที่ 18 ธันวาคม 2561, เวลา 09:49 น.

พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ กล่าวว่า ตามนโยบายของรัฐบาลสำนักงานตำรวจแห่งชาติได้จัดตั้งศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ หรือ ศปอส.ตร.ขึ้น โดยมุ่งเน้นการป้องกันปราบปรามการอาชญากรรมที่ปรากฏในสื่อออนไลน์ ซึ่งเป็นอาชญากรรมที่เกิดขึ้นมากในปัจจุบัน โดย ศปอส.ตร.ได้ร่วมกับ สตม., ภ.8, ภ.5, บช.ทท. ประสานความร่วมมือกับ ปปง. และ กสทช. เข้าจับกุมผู้ต้องหาตามหมายจับจำนวน 2 ราย และทำการตรวจค้นพื้นที่เป้าหมายในตลาดป่าตองจังหวัดภูเก็ต 4 จุด และตรวจค้นพื้นที่เป้าหมายในตลาดไนท์บาร์ซาร์ จังหวัดเชียงใหม่ 4 จุด ผลการตรวจค้น ยึดและอายัดทรัพย์สินได้จำนวนหลายรายการอาทิบ้านที่ดินรถยนต์และทรัพย์สินอื่นมูลค่ากว่า 240 ล้านบาท

ยุทธการ “ขุดรากถอนโคนเครือข่ายละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา” ในครั้งนี้ สืบเนื่องมาจากการสืบสวนทางออนไลน์ โดยเน้นสินค้าละเมิดลิขสิทธิ์และเครื่องหมายการค้าของประเทศสหรัฐอเมริกา ตลอดจนที่ปรากฏในเว็บไซต์และสื่อสังคมออนไลน์ได้แก่ เฟซบุ๊ก อินสตาแกรม ไลน์เป็นต้น และข้อมูลที่ได้รับการร้องเรียนจากประชาชนในช่องทางต่าง ๆ พบว่าตลาดป่าตอง และตลาดไนท์บาร์ซาร์ เป็นสถานที่ซึ่งนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศนิยมมาทานอาหารและจับจ่ายซื้อสินค้าภายในบริเวณตลาด จึงเป็นสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญในการจำหน่ายสินค้าละเมิดลิขสิทธิ์และเครื่องหมายการค้า จึงได้บูรณาการกำลังเพื่อเข้าทลายแหล่งจำหน่ายสินค้าจุดเป้าหมาย

โดยเมื่อวันที่ 20 ตุลาคม 2561 เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ร่วมการเข้าตรวจค้นในตลาดป่าตองจำนวน 26 จุด และตลาดเลียบหาดเฉวงอำเภอเกาะสมุย จังหวัดสุราษฎร์ธานี 3 จุดจับกุมผู้ต้องหารวม 13 รายในข้อหา “จำหน่ายหรือเสนอ จำหน่ายหรือมีไว้เพื่อจำหน่ายซึ่งสินค้าที่มีเครื่องหมายการค้าปลอมเครื่องหมายการค้าของบุคคลอื่นที่จดทะเบียนแล้วในราชอาณาจักร” พร้อมทั้งตรวจยึดสินค้าละเมิดเครื่องหมายการค้า อาทิ กระเป๋าแบรนด์เนม เสื้อผ้าเครื่องแต่งกาย แว่นตา รองเท้ากว่า 300,000 การมูลค่าความเสียหายกว่า 42,000,000 บาท

สำหรับปฏิบัติการเมื่อวันที่ 14 ธันวาคม 2561 เวลาประมาณ 9.00 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจได้เข้าตรวจค้นพื้นที่เป้าหมายในตลาดป่าตองจำนวน 4 จุดสามารถจับกุมผู้ต้องหาตามหมายได้จำนวน 2 รายในข้อหา “ร่วมกันจำหน่ายหรือเสนอจำหน่ายหรือมีไว้เพื่อจำหน่ายซึ่งสินค้าที่มีเครื่องหมายการค้าปลอมเครื่องหมายการค้าของบุคคลอื่นที่ได้จดทะเบียนแล้วในราชอาณาจักร” และได้ยึดทรัพย์ 2 จำนวนหลายรายการ อาทิ โฉนดที่ดิน, สิ่งปลูกสร้าง, รถยนต์, เงินสด, สร้อยคอทองคำ, นาฬิกาและทรัพย์สินอื่นรวมมูลค่ากว่า 200 ล้านบาท

ในส่วนการกวาดล้างการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาตลาดไนท์บาร์ซาร์ เมื่อวันที่ 12 กันยายน 2561 เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ร่วมการเข้าตรวจค้นร้านค้าภายในตลาดจำนวน 25 จุด จับผู้ต้องหารวม 12 รายในข้อหา “จำหน่ายเสนอจำหน่าย หรือมีไว้เพื่อจำหน่ายซึ่งสินค้า ที่มีเครื่องหมายการค้าปลอมเครื่องหมายการค้าของบุคคลอื่นที่จดทะเบียนแล้วในราชอาณาจักร” พร้อมทั้งตรวจยึดสินค้าประมาณ 27,000 รายการ อาทิ ลำโพงบลูทูธ กระเป๋าแบรนด์เนม เสื้อผ้าเครื่องแต่งกาย นาฬิกา แว่นตา รองเท้า เป็นต้นมูลค่าความเสียหายประมาณ 30,000,000 บาท

ปฏิบัติการเมื่อวันที่ 14 ธันวาคม 2561 เจ้าหน้าที่ตำรวจได้เข้าตรวจค้นพื้นที่เป้าหมาย 4 จุดได้ยึดอายัดทรัพย์สินหลายรายการอาทิ โฉนดที่ดิน, สิ่งปลูกสร้าง, รถยนต์, รถจักรยานยนต์, เงินสด, สร้อยคอทองคํา และทรัพย์สินอื่นรวมมูลค่ากว่า 40 ล้านบาท

ผบช.สตม. กล่าวอีกว่า สำหรับยุทธการ“ขุดรากถอนโคนเครือข่ายละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา” ในครั้งนี้ ศปอส.ตร.มีความจริงจังในการปราบปรามและยึดทรัพย์สินผู้กระทำความผิดละเมิดลิขสิทธิ์และเครื่องหมายการค้า ซึ่งหลังจากนี้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจะดำเนินการขยายผลไปยังแหล่งผลิต ผู้ที่นำเข้าจะดำเนินการอย่างจริงจังต่อเนื่อง

และฝากไปยังผู้ที่ยังดำเนินการผลิตนำเข้าหรือจำหน่ายสินค้าที่ละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา ไม่ว่าจะอยู่ในพื้นที่กรุงเทพฯ หรือต่างจังหวัดโดยเฉพาะจังหวัดใหญ่ ๆ หรือการประกาศขายทางออนไลน์ หากยังดำเนินอยู่เจ้าหน้าที่จะดำเนินการจับกุมดำเนินคดี ขยายผลถึงนายทุน ตลอดจนใช้มาตรการยึดทรัพย์ จากความผิดมูลฐานตามพรบ. ป้องกันและปราบปรามฟอกเงิน พ.ศ 2542 มาตรา 3(13) และมีอัตราโทษจำคุกตั้งแต่หนึ่งปีถึงสิบปี หรือปรับตั้งแต่สองหมื่นบาทถึงสองแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ซึ่งการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาเป็นความผิดมูลฐานตามกฎหมายฟอกเงิน เพื่อให้ปัญหาการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาของประเทศไทยหมดไป

 

 

แจ้งข่าว..คลิกที่นี่