พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ กล่าวว่า ตามนโยบายของรัฐบาลสำนักงานตำรวจแห่งชาติได้จัดตั้งศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ หรือ ศปอส.ตร.ขึ้น โดยมุ่งเน้นการป้องกันปราบปรามการอาชญากรรมที่ปรากฏในสื่อออนไลน์ ซึ่งเป็นอาชญากรรมที่เกิดขึ้นมากในปัจจุบัน โดย ศปอส.ตร.ได้ร่วมกับ สตม., ภ.8, ภ.5, บช.ทท. ประสานความร่วมมือกับ ปปง. และ กสทช. เข้าจับกุมผู้ต้องหาตามหมายจับจำนวน 2 ราย และทำการตรวจค้นพื้นที่เป้าหมายในตลาดป่าตองจังหวัดภูเก็ต 4 จุด และตรวจค้นพื้นที่เป้าหมายในตลาดไนท์บาร์ซาร์ จังหวัดเชียงใหม่ 4 จุด ผลการตรวจค้น ยึดและอายัดทรัพย์สินได้จำนวนหลายรายการอาทิบ้านที่ดินรถยนต์และทรัพย์สินอื่นมูลค่ากว่า 240 ล้านบาท
ยุทธการ “ขุดรากถอนโคนเครือข่ายละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา” ในครั้งนี้ สืบเนื่องมาจากการสืบสวนทางออนไลน์ โดยเน้นสินค้าละเมิดลิขสิทธิ์และเครื่องหมายการค้าของประเทศสหรัฐอเมริกา ตลอดจนที่ปรากฏในเว็บไซต์และสื่อสังคมออนไลน์ได้แก่ เฟซบุ๊ก อินสตาแกรม ไลน์เป็นต้น และข้อมูลที่ได้รับการร้องเรียนจากประชาชนในช่องทางต่าง ๆ พบว่าตลาดป่าตอง และตลาดไนท์บาร์ซาร์ เป็นสถานที่ซึ่งนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศนิยมมาทานอาหารและจับจ่ายซื้อสินค้าภายในบริเวณตลาด จึงเป็นสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญในการจำหน่ายสินค้าละเมิดลิขสิทธิ์และเครื่องหมายการค้า จึงได้บูรณาการกำลังเพื่อเข้าทลายแหล่งจำหน่ายสินค้าจุดเป้าหมาย
โดยเมื่อวันที่ 20 ตุลาคม 2561 เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ร่วมการเข้าตรวจค้นในตลาดป่าตองจำนวน 26 จุด และตลาดเลียบหาดเฉวงอำเภอเกาะสมุย จังหวัดสุราษฎร์ธานี 3 จุดจับกุมผู้ต้องหารวม 13 รายในข้อหา “จำหน่ายหรือเสนอ จำหน่ายหรือมีไว้เพื่อจำหน่ายซึ่งสินค้าที่มีเครื่องหมายการค้าปลอมเครื่องหมายการค้าของบุคคลอื่นที่จดทะเบียนแล้วในราชอาณาจักร” พร้อมทั้งตรวจยึดสินค้าละเมิดเครื่องหมายการค้า อาทิ กระเป๋าแบรนด์เนม เสื้อผ้าเครื่องแต่งกาย แว่นตา รองเท้ากว่า 300,000 การมูลค่าความเสียหายกว่า 42,000,000 บาท
สำหรับปฏิบัติการเมื่อวันที่ 14 ธันวาคม 2561 เวลาประมาณ 9.00 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจได้เข้าตรวจค้นพื้นที่เป้าหมายในตลาดป่าตองจำนวน 4 จุดสามารถจับกุมผู้ต้องหาตามหมายได้จำนวน 2 รายในข้อหา “ร่วมกันจำหน่ายหรือเสนอจำหน่ายหรือมีไว้เพื่อจำหน่ายซึ่งสินค้าที่มีเครื่องหมายการค้าปลอมเครื่องหมายการค้าของบุคคลอื่นที่ได้จดทะเบียนแล้วในราชอาณาจักร” และได้ยึดทรัพย์ 2 จำนวนหลายรายการ อาทิ โฉนดที่ดิน, สิ่งปลูกสร้าง, รถยนต์, เงินสด, สร้อยคอทองคำ, นาฬิกาและทรัพย์สินอื่นรวมมูลค่ากว่า 200 ล้านบาท
ในส่วนการกวาดล้างการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาตลาดไนท์บาร์ซาร์ เมื่อวันที่ 12 กันยายน 2561 เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ร่วมการเข้าตรวจค้นร้านค้าภายในตลาดจำนวน 25 จุด จับผู้ต้องหารวม 12 รายในข้อหา “จำหน่ายเสนอจำหน่าย หรือมีไว้เพื่อจำหน่ายซึ่งสินค้า ที่มีเครื่องหมายการค้าปลอมเครื่องหมายการค้าของบุคคลอื่นที่จดทะเบียนแล้วในราชอาณาจักร” พร้อมทั้งตรวจยึดสินค้าประมาณ 27,000 รายการ อาทิ ลำโพงบลูทูธ กระเป๋าแบรนด์เนม เสื้อผ้าเครื่องแต่งกาย นาฬิกา แว่นตา รองเท้า เป็นต้นมูลค่าความเสียหายประมาณ 30,000,000 บาท
ปฏิบัติการเมื่อวันที่ 14 ธันวาคม 2561 เจ้าหน้าที่ตำรวจได้เข้าตรวจค้นพื้นที่เป้าหมาย 4 จุดได้ยึดอายัดทรัพย์สินหลายรายการอาทิ โฉนดที่ดิน, สิ่งปลูกสร้าง, รถยนต์, รถจักรยานยนต์, เงินสด, สร้อยคอทองคํา และทรัพย์สินอื่นรวมมูลค่ากว่า 40 ล้านบาท
ผบช.สตม. กล่าวอีกว่า สำหรับยุทธการ“ขุดรากถอนโคนเครือข่ายละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา” ในครั้งนี้ ศปอส.ตร.มีความจริงจังในการปราบปรามและยึดทรัพย์สินผู้กระทำความผิดละเมิดลิขสิทธิ์และเครื่องหมายการค้า ซึ่งหลังจากนี้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจะดำเนินการขยายผลไปยังแหล่งผลิต ผู้ที่นำเข้าจะดำเนินการอย่างจริงจังต่อเนื่อง
และฝากไปยังผู้ที่ยังดำเนินการผลิตนำเข้าหรือจำหน่ายสินค้าที่ละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา ไม่ว่าจะอยู่ในพื้นที่กรุงเทพฯ หรือต่างจังหวัดโดยเฉพาะจังหวัดใหญ่ ๆ หรือการประกาศขายทางออนไลน์ หากยังดำเนินอยู่เจ้าหน้าที่จะดำเนินการจับกุมดำเนินคดี ขยายผลถึงนายทุน ตลอดจนใช้มาตรการยึดทรัพย์ จากความผิดมูลฐานตามพรบ. ป้องกันและปราบปรามฟอกเงิน พ.ศ 2542 มาตรา 3(13) และมีอัตราโทษจำคุกตั้งแต่หนึ่งปีถึงสิบปี หรือปรับตั้งแต่สองหมื่นบาทถึงสองแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ซึ่งการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาเป็นความผิดมูลฐานตามกฎหมายฟอกเงิน เพื่อให้ปัญหาการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาของประเทศไทยหมดไป