บ่ายวานนี้ (14 พ.ย.) ที่กองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ พร้อมด้วย พล.ต.ต.อังกูร คล้ายคลึง ผบก.ทท.3 พล.ต.ต.เจษฎา ใยสุ่น ผบก.ตม.6 และคณะ ร่วมแถลงข่าวจับกุม นายเจซซี่ โจคม์ ดาอ์ลสโตรม อายุ 38 ปี สัญชาติสวีเดน เคยต้องหาคดียาเสพติด มีแบล็กลิส หลบหนีเข้าเมือง
ผู้ต้องหารายดังกล่าวถูกตรวจสอบจับกุมได้ที่คอนโดแห่งหนึ่งในพื้นที่ ต.กะทู้ อ.กะทู้ จ.ภูเก็ต เมื่อวันที่ 13 พ.ย. ที่ผ่านมา โดยเจ้าหน้าที่ ศปชก.ตร.ได้สนธิกำลังกับตำรวจตรวจคนเข้าเมืองและตำรวจท่องเที่ยวเข้าทำการตรวจสอบจับกุม หลังจากได้รับแจ้งจากสายลับว่า มีบุคคลต่างด้าวซึ่งเคยถูกดำเนินคดีในราชอาณาจักรในข้อหาเกี่ยวกับยาเสพติดมาแล้ว และกลายเป็นบุคคลต้องห้ามเข้ามาในราชอาณาจักร(แบล็กลิส) ลักลอบหลบหนีเข้ามาในราชอาณาจักร และพักอาศัยอยู่ที่คอนโดดังกล่าว
จากการตรวจสอบพบว่าผู้ต้องหาเป็นชาย สัญชาติสวีเดน ซึ่งไม่สามารถนำเอกสารใด ๆ มาแสดงต่อเจ้าหน้าที่ได้ ซึ่งนายเจซซี่รับว่าตนได้เข้ามาในราชอาณาจักรผ่านพรมแดนรอยต่อระหว่างประเทศไทย-มาเลเซีย บริเวณพื้นที่ อ.สะเดา จ.สงขลา โดยไม่ผ่านการตรวจจากเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมือง และพักอาศัยอยู่ในราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาต
เจ้าหน้าที่ตำรวจทำการตรวจสอบในสาระบบตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดภูเก็ต ไม่พบข้อมูลการเดินทางเข้ามาในราชอาณาจักรแต่อย่างใด และยังพบว่าเป็นบุคคลที่เคยถูกดำเนินคดีข้อหา "ครอบครองยาเสพติดให้โทษประเภท 2 (โคเคน)” ถูกผลักดันกลับประเทศสวีเดนไปครั้งหนึ่งแล้ว และถูกบันทึกว่า เป็นบุคคลต้องห้ามเข้ามาในราชอาณาจักร(แบล็กลิส) และยังตรวจสอบพบสารเมทแอมเฟตามีนในร่างกายของผู้ต้องหา
จึงได้แจ้งข้อกล่าวหา “เป็นบุคคลต่างด้าวเข้ามาและอาศัยอยู่ในราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาต และเสพยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (เมทแอมเฟตามีน) โดยผิดกฎหมาย” แล้วจึงได้จับกุมตัวนำส่งพนักงานสอบสวน สภ.กะทู้ ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
ในโอกาสการแถลงข่าว พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ กล่าวว่า “ตอนนี้คนที่อยู่เกินกฎหมายอนุญาต เป็นศูนย์ที่เหลืออยู่ที่ยังจับกุมได้บ้างคือบุคคลที่ยังหลบหนี แต่ประเภทที่อยู่กันเป็นกลุ่มก้อนนั้นยืนยันว่าไม่มีแล้ว ตอนนี้เราเน้นความมั่นคงเป็นหลัก สำหรับกรณีของนายเจซซี่ นั้น เป็นบุคคลต้องห้ามเข้ามาในราชอาณาจักรไทย ซึ่งขึ้นแบล็กลิสไว้แล้ว ถามว่าทำไมยังเข้ามาได้อีก เพราะไปเปลี่ยนพาสปอร์ต เปลี่ยนวีซ่า บางรายอาจไปเปลี่ยนชื่อมา เพราะฉะนั้นตอนนี้ เราจับกุมรายนี้อีกครั้งหลังจากหลบหนีเข้าประเทศไทยมาแล้วถึง 3 ครั้ง จากนี้ไปเราจะดำเนินคดีอาญา ขึ้นบัญชีแบล็กลิสและผลักดันออกนอกประเทศพร้อมประสานแจ้งทางสถานทูตสวีเดนทราบ”
“ในส่วนของบุคคลเหล่านี้บางส่วนใช้วีซ่าท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาใช้ประเทศไทยเป็นแหล่งกบดาน พักพิง อาศัยประเทศไทยในการก่ออาชญากรรมโดยร่วมกับกลุ่มบุคคลบางส่วนที่เป็นคนไทย วันนี้เราดำเนินคดีหมดถ้าตรวจพบคนไทยก็ต้องถูกดำเนินคดี จึงขอความร่วมมือคนไทยต้องทำตัวเป็นเจ้าบ้านที่ดี” พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ กล่าว
