เมื่อวันที่ 11 มี.ค. นายสุวัฒน์ เสาวรัญ ผู้อำนวยการสำนักงาน ป.ป.ช. ประจำจังหวัดภูเก็ต พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่สำนักงาน ป.ป.ช. ประจำจังหวัดภูเก็ต ลงพื้นที่ติดตามเชิงรุกกรณีการก่อสร้างสิ่งปลูกสร้างในพื้นที่สาธารณะ หาดบางเทา หมู่ที่ 3 ตำบลเชิงทะเล อำเภอถลาง จังหวัดภูเก็ต ภายใต้โครงการป้องปรามและลดคดีทุจริตในพื้นที่ ร่วมกับสมาชิกชมรม STRONG-จิตพอเพียงต้านทุจริตจังหวัดภูเก็ต โดยบูรณาการการทำงานร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องประกอบด้วย สำนักงาน ป.ป.ช. ภาค 8, กอ.รมน.จังหวัดภูเก็ต, สำนักงานเจ้าท่าภูมิภาคสาขาภูเก็ต, อำเภอถลาง และองค์การบริหารส่วนตำบลเชิงทะเล
โดยสำนักงาน ป.ป.ช. ประจำจังหวัดภูเก็ต ได้เคยลงพื้นที่ดังกล่าวแล้วเมื่อวันที่ 22 ม.ค. 68 ตามที่ได้รับข้อมูลจากเครือข่ายภาคประชาชน ชมรม STRONG-จิตพอเพียงต้านทุจริตจังหวัดภูเก็ต กรณีการสร้างสิ่งปลูกสร้างในพื้นที่สาธารณะ
จากการลงพื้นที่ครั้งแรกพบว่าอาคารที่กำลังดำเนินการก่อสร้างสิ่งปลูกสร้างที่ได้ขึ้นโครงไว้ ปัจจุบันได้ทำการรื้อออกแล้วเหลือแต่โครงฐานข้างล่างเท่านั้น และนอกจากนี้ยังพบจุดบริเวณที่คาดว่าเป็นพื้นที่สาธารณะมีการสร้างสิ่งปลูกสร้างเพิ่มขึ้น เช่น ร้านอาหารที่มีการก่อสร้างคาดว่ารุกล้ำเข้ามาในพื้นที่ชายหาด โรงแรมหลายแห่งมีการนำก้อนหินขนาดใหญ่จำนวนมากมาตั้งไว้ โดยอ้างว่าเพื่อลดแรงกระแทกของคลื่น การสร้างพื้นที่พักผ่อนของโรงแรมรุกล้ำพื้นที่เข้ามา รวมทั้งกำแพงหินที่ดินกั้นทางเดินบริเวณชายหาด ทำให้ผู้คนไม่สามารถเดินบริเวณหาดสาธารณะได้
สำนักงาน ป.ป.ช. ประจำจังหวัดภูเก็ต ได้ให้ข้อเสนอแนะในเบื้องต้นแก่หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยการตั้งป้ายไวนิล ในเรื่องของการแจ้งให้ผู้ประกอบการทราบว่าที่บริเวณดังกล่าวเป็นพื้นที่สาธารณะและรุกล้ำลำน้ำ ให้รื้อถอนสิ่งปลูกสร้างและสิ่งของต่าง ๆ ที่ได้มีการตั้งหรือวางไว้ออกทั้งหมด ทั้งผู้ประกอบการโรงแรมในพื้นที่ ร้านอาหาร หรือผู้ประกอบการประเภทอื่นที่อยู่ในพื้นที่บริเวณหาดบางเทาทั้งหมด โดย กอ.รมน.จังหวัดภูเก็ต ได้ให้ข้อเสนอแนะเช่นเดียวกันโดยมุ่งเน้นให้มีการติดประกาศหรือติดป้าย เพื่อแจ้งให้กับผู้ประกอบการที่กำลังจะดำเนินการหรือดำเนินการแล้วได้รับทราบทั่วกัน
ทางด้าน อบต.เชิงทะเล และอำเภอถลาง แจ้งว่าจะดำเนินการจัดทำป้ายประกาศ เพื่อให้เจ้าของที่ดินในแต่ละพื้นที่ทราบว่าให้ดำเนินการเอาสิ่งปลูกสร้างหรือสิ่งของต่าง ๆ ในพื้นที่สาธารณะออกทั้งหมด รวมทั้งจะแจ้งให้ผู้ประกอบการทั้งหมดบริเวณหาดบางเทาที่ได้ก่อสร้างแล้วดำเนินการรื้อถอนออกให้หมด โดยหากทำหนังสือแจ้งผู้ประกอบการหรือผู้ที่สร้างสิ่งก่อสร้างรุกล้ำเข้ามา แล้วยังไม่ดำเนินการก็จะดำเนินการทางกฎหมายต่อไป และ อบต.เชิงทะเล และอำเภอถลาง จะดำเนินการทำหนังสือถึงผู้ประกอบการเจ้าของที่ดิน เพื่อให้มาร่วมตรวจสอบแนวเขตและชี้แนวเขตพื้นที่ของตนเองร่วมกัน โดยดูเอกสารสิทธิมาแสดงแนวเขต โดยจะดูจากพื้นที่ที่ได้มีการชำระภาษีในแต่ละปีร่วมด้วย รวมทั้งจะยื่นรังวัดกับสำนักงานที่ดิน กรณีพื้นที่ที่ไม่มีเอกสารสิทธิ หรือพื้นที่ที่ไม่ได้มีการแจ้งแนวเขตไม่มีเอกสารสิทธิและมีการบุกรุกรุกล้ำทาง อบต.เชิงทะเล และอำเภอถลางจะดำเนินการรื้อถอนเอง และหากเป็นพื้นที่ที่มีเอกสารสิทธิและมีการรุกล้ำหากแจ้งให้รื้อถอนแล้วยังไม่ดำเนินการ ก็จะดำเนินการรื้อถอนให้และดำเนินคดีต่อไป
ในส่วนของสำนักงานเจ้าท่าภูมิภาคสาขาภูเก็ตจะดำเนินการตรวจสอบพื้นที่ว่า พื้นที่ใดบางที่ถือว่าเป็นการรุกล้ำลำน้ำซึ่งถือเป็นเขตพื้นที่รับผิดชอบของสำนักงานเจ้าท่าภูมิภาคสาขาภูเก็ต และจะดำเนินการลงบันทึกประจำวันร่วมกันกับ อบต.เชิงทะเล และอำเภอถลาง
เบื้องต้นสำนักงาน ป.ป.ช. ประจำจังหวัดภูเก็ต และหน่วยงานที่ร่วมลงพื้นที่ได้เข้าพูดคุยกับผู้ประกอบการบริเวณหาดบางเทา เพื่อสร้างความเข้าใจร่วมกันในกรณีที่มีการบุกรุกพื้นที่สาธารณะ โดยผู้ประกอบการส่วนใหญ่มีความเข้าใจและแจ้งว่าจะให้ความร่วมมือในการตรวจสอบพื้นที่ และหากพื้นที่ใดมีความทับซ้อนและมีการบุกรุกจริง ก็พร้อมที่จะดำเนินการรื้อถอนให้ถูกต้องต่อไป
ในส่วนที่ได้มีการก่อสร้างเสร็จไปแล้วนั้น ทาง อบต.เชิงทะเล และอำเภอถลาง จะดำเนินการตรวจสอบเอกสารสิทธิ์ว่าเป็นเอกสารสิทธิ์แบบใดมีการออกอย่างถูกต้องหรือไม่ หรือเป็นพื้นที่สาธารณะ โดยจะทำหนังสือถึงผู้ประกอบการเจ้าของที่ดินต่อไป และในส่วนที่มีการก่อสร้างเสร็จแล้วที่เป็นในส่วนของสถานประกอบการร้านอาหารหรือสถานที่ที่มีเจ้าของ ทางองค์การบริหารส่วนตำบลเชิงทะเลแจ้งว่าจะดำเนินการแจ้งกับเจ้าของผู้ที่มีการก่อสร้างรุกล้ำเข้ามาในบริเวณที่ไม่มีการออกเอกสารสิทธิ์เป็นเจ้าของแต่มีการก่อสร้างรุกล้ำเข้ามาในพื้นที่สาธารณะให้ดำเนินการรื้อถอนต่อไป
สำนักงาน ป.ป.ช. ประจำจังหวัดภูเก็ต ได้แนะนำให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการดำเนินการตามที่ได้มีการพูดคุยทั้งในเรื่องการติดป้ายประกาศว่า ห้ามมีการก่อสร้างรุกล้ำลำน้ำหรือในเรื่องการเชิญผู้ประกอบการเจ้าของที่ดินเข้ามาพูดคุยทำความเข้าใจ รวมทั้งการรังวัดที่ดินให้มีความชัดเจนถูกต้องว่าส่วนใดบ้างเป็นพื้นที่ที่มีเอกสารสิทธิ์ และส่วนใดบ้างเป็นพื้นที่สาธารณะ และให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการต่อไป ทั้งนี้มุ่งเน้นในเรื่องของความปลอดภัยในการดำเนินการของทุกฝ่าย และจะดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงเพิ่มเติมร่วมกับกับหน่วยงานที่รับผิดชอบ และจะดำเนินการสร้างความร่วมมือระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดังกล่าว ในการบูรณาการร่วมกันเพื่อการแก้ไขปัญหาในระยะยาวต่อไป