โดยมี พล.ต.อ.รุ่งโรจน์ แสงคร้าม รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ พร้อมด้วย พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจท่องเที่ยวรักษาราชการแทนผู้บัญชาการสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง ได้เดินทางโดยเฮลิคอปเตอร์ไปทะเลอันดามันเพื่อไปติดตามภารกิจการกู้เรือฟีนิกซ์ในทะเลอันดามันด้วยเช่นกัน
จากนั้นใน เวลา 14.00 น. พล.ต.อ.รุ่งโรจน์ พร้อมด้วย พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ แถลงข่าวความคืบหน้าการกู้เรือฟีนิกซ์ต่อสื่อมวลชนไทยและสื่อมวลชนต่างประเทศ
ณ ห้องประชุมท่าเรือน้ำลึก โดยมีนายหลี ชุ่น ฝู รองกงสุลใหญ่จีนประจำสงขลาและผู้อำนวยการสำนักงานกงสุลจีนประจำภูเก็ตในฐานะตัวแทนนายหลูย์ เจี้ยน เอกอัครราชทูตจีนประจำประเทศไทย มาร่วมรับฟังและติดตามการกู้เรือฟีนิกซ์ด้วย
นายหลี ชุ่น ฝู กล่าวว่ารัฐบาลจีนขอขอบคุณรัฐบาลไทยที่ได้ทุ่มเททรัพยากรบุคคลงบประมาณในการกู้เรือฟีนิกซ์ในครั้งนี้อย่างมหาศาล โดยรัฐบาลจีนเห็นถึงความจริงใจของรัฐบาลไทย
พล.ต.อ.รุ่งโรจน์ กล่าวว่า ขั้นตอนความคืบหน้าการกู้เรือขนาดนี้ทีมปฏิบัติการได้ วางสลิงและอุปกรณ์ใต้น้ำแล้วจากนั้นจะทำการดึงเรือขึ้นมาที่ระดับ 1 เมตร ก่อน จากนั้นทีมวิศวกรและนักประดาน้ำจะดำลงไปในน้ำ เพื่อตรวจสอบสภาพเรือ และความพร้อมเน้นความปลอดภัยหากเรืออยู่ในสภาพที่สมดุลก็จะสามารถดำเนินการดึงเรืออีก 30 เซนติเมตร จะทำการตรวจสอบอีกครั้ง ถ้ามีความร้อนและเป็นไปตามขั้นตอนก็จะดำเนินการดึงเรือขึ้นมาสู่ผิวน้ำ โดยทุกกระบวนการ จะเป็นไปตามขั้นตอนทางเทคนิคที่จะต้องคำนึงถึงความปลอดภัยอย่างสูงสุด ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องเข้าไปในเขตพื้นที่รัศมี 1 กิโลเมตร เนื่องจากใต้น้ำมีการวางทุ่นและวางสลิงโดยรอบพื้นรัศมี 1 กิโลเมตร และในขณะที่มีการดำเนินการกู้เรือทุกขั้นตอนทีมผู้เชี่ยวชาญจากประเทศสิงคโปร์และทีมวิศวกรได้ดำเนินการบันทึกภาพไว้ทุกขั้นตอนเพื่อความโปร่งใสในการปฏิบัติงาน
ด้านพล.ต.ต.สุรเชษฐ์ กล่าวว่า ชาวไทยและชาวจีนมีความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดมาอย่างยาวนาน ดังนั้นการเร่งหาสาเหตุของการเกิดเรือล่ม รัฐบาลให้ความสำคัญมาก เพื่อต้องการเยียวยาและแสดงออกถึงความจริงใจต่อญาติผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์ในครั้งนี้ โดยซากเรือฟีนิกส์เป็นพยานหลักฐานที่สำคัญ ที่จะใช้เป็นข้อมูลในการหาสาเหตุของการเกิดอุบัติเหตุ
สำหรับเหตุการณ์เรือล่มที่เกิดขึ้นได้ส่งผลกระทบต่อประเทศและอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของชาวภูเก็ต เป็นอย่างมาก ทั้งนี้ในส่วนของการดำเนินคดีกับผู้ที่เกี่ยวข้องได้ดำเนินการอย่างจริงจัง รวมถึงได้ดำเนินคดีเอาผิดกับพนักงานของรัฐที่มีส่วนเกี่ยวข้องด้วย
ส่วนการสร้างภาพลักษณ์ด้านการท่องเที่ยว เชื่อว่าเมื่อกู้เรือได้และคดีถึงที่สุดจะสามารถเรียกความเชื่อมั่นจากนักท่องเที่ยวชาวจีนได้อย่างแน่นอน อย่างไรก็ตามทุกภาคส่วนจะต้องช่วยกันบูรณาการสร้างความปลอดภัยด้านการท่องเที่ยว ทั้งทางถนน ทางเรือ โดยขณะนี้ได้มีการกวดขันจัดระเบียบ ท่าเทียบเรือทั้ง 24 แห่งในจังหวัดภูเก็ตที่จะต้องมีเจ้าหน้าที่จากสำนักงานเจ้าท่าภูมิภาคสาขาภูเก็ต, ตำรวจท่องเที่ยว และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องบูรณาการตรวจความปลอดภัยของคนและเรือ ก่อนปล่อยเรือออกจากท่าเป็นการเพิ่มมาตรการด้านความปลอดภัยให้แก่นักท่องเที่ยว และสร้างความเชื่อมั่นด้านการท่องเที่ยวให้กับจังหวัดภูเก็ตอีกทางหนึ่ง
- สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดภูเก็ต