นางสาวเฉลิมลักษณ์ เก็บทรัพย์ นายกเทศมนตรีเมืองป่าตอง ได้กล่าวถึงแนวคิดในการผลักดันเมืองป่าตองสู่การเป็นไมซ์ซิตี้ว่า เกิดมาจากป่าตองประสบปัญหาเศรษฐกิจในช่วงหลายปีที่ผ่านมา แม้จะเป็นเมืองท่องเที่ยวระดับโลก ในแต่ละปีมีนักท่องเที่ยวเดินทางมาเยือนเป็นจำนวนมาก สร้างรายได้เข้าประเทศมหาศาล แต่ก็ยังคงประสบกับปัญหาเศรษฐกิจ เช่นกันโดยเฉพาะช่วงเวลาที่ฤดูท่องเที่ยวจบลง ซึ่งผู้ประกอบการในพื้นที่ต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าช่วงโลว์ซีซั่นต้องประสบกับปัญหาทางเศรษฐกิจ ทำมาหากินลำบาก เพราะเป็นช่วงฤดูมรสุมนักท่องเที่ยวเดินทางมาน้อย การทำมาหากินลำบาก รายได้หดหาย ซึ่งส่งผลกระทบกันทุกภาคส่วนตั้งแต่ผู้ประกอบการโรงแรมขนาดใหญ่ ร้านค้า ร้านอาหาร ผู้ประกอบการรายย่อย หรือคนขับรถบริการ
“แนวความคิดนี้เริ่มต้นจากการที่หลายปีที่ผ่านมาป่าตองจะประสบปัญหาเรื่องเศรษฐกิจ ทำมาหากินลำบากในช่วงโลว์ ซีซั่น เราจึงคิดว่าจะแก้ปัญหาเรื่องดังกล่าวอย่างไร จนมาพบข้อมูลว่า เมื่อปี 2558 สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) หรือ สสปน. ได้กำหนดให้จังหวัดภูเก็ตเป็น 1 ใน 6 เมือง นำร่องเพื่อพัฒนาเป็นไมซ์ ซิตี้ จึงได้นำแนวความคิดเรื่องไมซ์ ซิตี้ มาเป็นแนวนโยบายสำหรับเมืองป่าตองเพื่อแก้ปัญหาเศรษฐกิจช่วงโลว์ซีซั่น ป่าตองเป็นพื้นที่ในจังหวัดภูเก็ต และมีความพร้อมที่จะพัฒนาสู่การเป็นไมซ์ ซิตี้ได้ หากทำสำเร็จจะสามารถดึงนักท่องเที่ยวในกลุ่มไมซ์ เข้ามาในช่วงโลว์ ซีซั่น ปัญหาเศรษฐกิจในช่วงเวลาดังกล่าวก็น่าจะไม่เป็นปัญหาอีกต่อไป เทศบาลเมืองป่าตองจึงได้กำหนดออกมาเป็นนโยบายทำทันที” นายกเทศมนตรีเมืองป่าตอง กล่าว
“ซึ่งการดำเนินการก็ได้มีการประชุมสอบถามความคิดเห็นทั้งจากหน่วยงานภาครัฐ เอกชน ผู้ประกอบการ ประชาชนในพื้นที่ ทุกสาขาอาชีพ ซึ่งทุกคนก็เห็นด้วย โดยในวันที่ 28 พ.ค. นี้ก็จะมีการลงนามในกฎบัตร ไมซ์ ซิตี้ ป่าตอง ที่ถือเป็นสัญญาใจที่ทุกคน ทุกภาคส่วนจะร่วมกันผลักดันป่าตองสู่การเป็นไมซ์ ซิตี้ ให้ได้” เธอกล่าว “การขับเคลื่อนป่าตองไปสู่ความเป็น “เมืองไมซ์” หรือ “ป่าตอง-ไมซ์ซิตี้” นั้น เป้าหมายหลักจริง ๆ ก็เพื่อดึงคน ดึงรายได้ เข้าป่าตองในช่วงโลว์ ซีชั่น ผลักดันให้เศรษฐกิจป่าตองเติบโตในช่วงที่นักท่องเที่ยวน้อย ส่งผลให้ประชาชนอยู่ดีกินดียิ่งขึ้น”
สำหรับแนวคิด “ป่าตองไมซ์ ซิตี้” นายกเทศมนตรีเมืองป่าตอง มองว่าป่าตองมีความพร้อมในหลาย ๆ เรื่องที่จะรองรับตลาดไมซ์ได้ ทั้งห้องพักโรงแรมที่มีเพียงพอ สถานที่จัดประชุมสัมมนาของโรงแรมต่าง ๆ ที่สามารถรองรับได้ตั้งแต่ขนาดเล็กไปจนถึงจำนวนพันคน ตอนนี้เมืองป่าตองขาดเพียงศูนย์ประชุมขนาดใหญ่ ที่จะรองรับผู้เข้าร่วมงานในจำนวน 5,000-10,000 คน เท่านั้น
“เมื่อป่าตองเป็นเมืองไมซ์ ทุกภาคส่วนจะได้รับผลประโยชน์โดยที่แทบไม่ต้องจ่ายอะไรเลย ตั้งแต่เจ้าของรถตุ๊กตุ๊ก เจ้าของรถแท็กซี่-รถตู้ ผู้ประกอบการชายหาด ร่ม-เตียง เรือลากร่ม หิ้วกระติก และผู้ประกอบการทางเท้าที่ขายอาหาร Street food เพียงแค่เราเป็นเจ้าบ้านที่ดี ดูแลเขาดี ๆ อย่าไปเอารัดเอาเปรียบเขา อย่าไปโขกราคาเขา อย่าตีเขา อย่าด่าเขา แค่นั้นเอง” นางสาวเฉลิมลักษณ์ กล่าว
อย่างไรก็ตาม เธอได้ทิ้งท้ายเอาไว้ว่า การจะผลักดันและพัฒนาป่าตองสู่ความเป็นไมซ์ ซิตี้ นั้น ไม่สามารถทำได้เฉพาะนายกเทศมนตรีเมืองป่าตอง หรือ เทศบาลเมืองป่าตองเพียงหน่วยงานเดียว แต่เป็นโครงการที่จะต้องร่วมมือกันทุกภาพส่วน ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน นักธุรกิจรายใหญ่ นักธุรกิจรายย่อย รวมไปถึงพ่อค้าแม่ค้า เจ้าของธุรกิจเล็กๆ ธุรกิจชุมชน ทุกคนจะต้องร่วมมือกันอย่างแข็งขันและจริงจัง เป็นเจ้าบ้านที่ดี พร้อมให้การต้อนรับนักท่องเที่ยวและผู้ที่เข้ามายังเมืองป่าตอง
