โดยมีว่าที่ร้อยตรีวิกรม จากที่ นายอำเภอเมืองภูเก็ต, หัวหน้า ส่วนราชการที่เกี่ยวข้องเข้าร่วม โดยการประชุมได้มีการระดมความคิดเห็นและหาข้อมูลเกี่ยวกับเหตุการณ์การเกิดอุบัติเหตุ ของเรือสปีดโบ๊ทคิงโพไซดอน 959 เครื่องยนต์ระเบิดและเกิดเพลิงไหม้ ที่หน้าถ้ำไวกิ้ง จ.กระบี่ (อ่านเพิ่มเติม คลิก) เพื่อร่วมวางแผนในการป้องกันเหตุการณ์ในอนาคตต่อไป โดยเฉพาะในการให้ความสำคัญกับการเฝ้าระวังตรวจสอบเรือทุกลำที่ออกจากท่าเทียบเรือในพื้นที่จังหวัดภูเก็ต
นายนรภัทร เปิดเผยว่า "วันนี้เป็นการคุยกันเรื่องเกี่ยวกับกรณีที่มีเหตุการณ์เกิดขึ้นเรือสปีดโบ๊ทระเบิด ซึ่งท่านนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาได้ให้ความสนใจในเรื่องนี้มากเนื่องจาก เรือที่เกิดอุบัติเหตุเป็นเรือที่ออกจากท่าเทียบเรือสาธารณะ และในทางปฏิบัติแล้วท่าเทียบเรือสาธารณะเหล่านี้ต้องมีข้อมูลของผู้โดยสารว่าเรือที่ออกจากท่าเป็นเวลาเท่าไหร่ แต่ท่าเทียบเรือที่เกิดขึ้นเป็นท่าเรือที่เอกชน
ซึ่งขณะนี้ การบริหารจัดการในท่าเทียบเรือเอกชนยังไม่มีมาตรการที่ชัดเจน เต็มรูปแบบได้มอบหมายให้นายประกอบ วงศ์มณีรุ่ง รองผู้ว่าราชการจังหวัด ไปตรวจสอบท่าเรือเอกชนต่าง ๆ เพื่อให้มีระบบความปลอดภัยที่เข้มงวด โดยเฉพาะเรือที่ไปใช้บริการที่ท่าเรือเอกชนนั้นจะมีปัญหา ถึงแม้ว่าข้อกฎหมายจะกำหนดเอาไว้ว่าต้อง 25 คนขึ้นไปแต่ ณ ตอนนี้มันคงไม่ได้แล้วเพราะในขณะนี้มีปริมาณการท่องเที่ยวทางทะเลวันละไม่ต่ำกว่า 25,000 ถึง 30,000 คน เพราะฉะนั้น ถ้าเกิดเหตุการณ์เกิดขึ้เช่นในครั้งนี้ จะส่งผลกระทบไปทั่วโลก ในครั้งนี้โชคดีที่ไม่มีผู้ประสบเหตุจนถึงแก่ชีวิต "
ผวจ.ภูเก็ต กล่าวเพิ่มเติมว่า ทางจังหวัดภูเก็ตไม่ได้นิ่งนอนใจ สำหรับการดูแลผู้ป่วยทุกคนที่รักษาในจังหวัดภูเก็ตทางจังหวัดจะเดินทางไปเยี่ยมเยียนเพื่อสร้างขวัญและกำลังใจ
ภายหลังการประชุมนายนรภัทร ได้เดินทางไปตรวจสอบที่ท่าเทียบเรือซีแองเจิ้ล เพื่อให้นโยบายด้านการรักษาความปลอดภัยด้านตัวเรือและการบริหารจัดการของท่าเรือที่ให้บริการประชาชนและนักท่องเที่ยว จากนั้นเดินทางไปเยี่ยมผู้บาดเจ็บที่โรงพยาบาลวชิระภูเก็ต
โดยขณะนี้มีผู้ป่วยที่เข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลต่างๆของจังหวัดภูเก็ตดังนี้โรงพยาบาลองค์การบริหารส่วนจังหวัดภูเก็ตจำนวน 1 ราย ( เป็นลูกเรือคนไทย) โรงพยาบาลวชิระภูเก็ตจำนวน 1 ราย (เป็นนักท่องเที่ยวชาวจีน) และโรงพยาบาลกรุงเทพภูเก็ตจำนวน 21 คน (เป็นนักท่องเที่ยวชาวจีน) ขณะนี้ กลับที่พักแล้ว 13 คน ยังคงรักษาตัวที่โรงพยาบาล 8 คน
