ผู้การกระบี่เตือนรร.สอดส่องผู้ใช้บริการ หลังโจรแสบแฝงตัวงัดห้องพักหรู

ภูเก็ต – ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดกระบี่ ประชาสัมพันธ์ไปยังผู้ประกอบการและพนักงานโรงแรมในพื้นที่ ให้เพิ่มความระมัดระวังและสังเกตพฤติกรรมของบุคคลน่าสงสัย ที่อาจจะเป็นผู้ไม่ประสงค์ดีทำทีเข้ามาใช้บริการ หรือแสร้งมารับลูกค้าในโรงแรม แล้วอาศัยจังหวะที่พนักงานของโรงแรมเผลอ แอบขึ้นไปงัดแงะทรัพย์สินภายในห้องพัก โดยยกกรณีตัวอย่างล่าสุดที่มีผู้ร้ายก่อเหตุต่อเนื่องในพื้นที่ตำบลอ่าวนาง โดยแอบขึ้นไปบนห้องพักแล้วยกตู้เซฟภายในห้องหลบหนีไปอย่างลอยนวล ก่อนที่เจ้าหน้าที่ตำรวจจะสามารถล่าตัวมาได้ในอีกสัปดาห์ต่อมา

ข่าวภูเก็ต

วันศุกร์ ที่ 31 มกราคม 2563, เวลา 15:13 น.

คนร้ายนำบัตรเอทีเอ็มที่ผู้เสียหายเขียนรหัสติดไว้ที่บัตรไปกดเงินกว่า 5 หมื่นบาท / ภาพ ปชส.กระบี่

คนร้ายนำบัตรเอทีเอ็มที่ผู้เสียหายเขียนรหัสติดไว้ที่บัตรไปกดเงินกว่า 5 หมื่นบาท / ภาพ ปชส.กระบี่

สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดกระบี่ รายงานว่าเมื่อวันที่ 28 ม.ค.ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ควบคุมตัว นายฤทธิเมธ สิงหอำไพ หรือ ดิว อายุ 40 ปี หนุ่มกรุงเทพฯทำตัวเป็นโจรแสบตระเวนงัดแงะห้องพักโรมแรมหรู ในพื้นที่หาดอ่าวนางอย่างต่อเนื่องถึง 4 แห่ง หลังถูกจับกุมคนร้ายอ้างว่าตนเองเป็นนักธุรกิจรับเหมาก่อสร้าง แต่เกิดปัญหาขาดทุนจึงตัดสินใจลงมือขโมยทรัพย์สินภายในโรงแรมตัวกล่าว

อย่างไรก็ตาม พล.ต.ต.ศักดิ์ชัย ลิ้มเจริญ ผบก.ภ.จว.กระบี่ เปิดเผยกับ ข่าวภูเก็ต วันนี้ (31 ม.ค.) ว่าทางเจ้าหน้าที่ตำรวจไม่ปักใจเชื่อ เนื่องจากคนร้ายมีพฤติกรรมลักทรัพย์อย่างต่อเนื่องหลายพื้นที่ทั้งยังมีพฤติกรรม “กินหรูอยู่สบาย”

โดยเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ตำรวจได้นำตัวคนร้ายในคดีนี้คือ นายฤทธิเมธ ที่อยู่ 56/149 ซอยพหลโยธิน 64 แขวงสนามบิน เขตดอนเมือง กรุงเทพมหานคร ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดกระบี่ ลงวันที่ 25 ม.ค. 63 ในความผิดฐาน “ลักทรัพย์โดยทำอันตรายสิ่งกีดกั้นสำหรับคุ้มครองบุคคลหรือทรัพย์สิน และทำให้เสียทรัพย์” ไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพจำนวน 4 จุด หลังจับกุมตัวได้ที่บริเวณท่าเรือโดยสารเกาะพีพี หมู่ที่ 7 ต.อ่าวนาง อ.เมืองกระบี่ จ.กระบี่

จุดแรกเกิดเหตุวันที่ 6 ม.ค.63 ที่โรงแรมอ่าวนางบุรี รีสอร์ท โดยผู้ต้องหาใช้บัตรพลาสติกงัดเข้าไปในห้องพักที่ล็อคด้วยลูกบิดจากด้านนอก เข้าไปยกตู้เซฟออกมาแล้วใช้ไขควงงัดเอาทรัพย์สิน ก่อนเอาไปทิ้งสวนหย่อมหน้าหาดนพรัตนารา จากนั้นผู้ต้องหาก็เดินเท้าไปที่โรงแรมธาราบุรี รีสอร์ท หาดนพรัตน์ธารา ต.อ่าวนาง ซึ่งเป็นจุดที่สองซึ่งอยู่ห่างกันประมาณ 500 เมตร เข้าไปงัดประตูห้องพักด้านหลังที่อยู่ติดกับสระน้ำด้วยไขควง แล้วเข้าไปยกตู้เซฟออกมางัดเอาทรัพย์สินไป

จุดที่ 3 โรงแรมกระบี่เฮอริเทจ หาดอ่าวนาง ผู้ต้องหาได้เข้าไปนั่งที่หน้าฟรอนท์ทำทีเป็นนักท่องเที่ยวมาเข้าพัก พอสบโอกาสพนักงานโรงแรมเผลอขึ้นไปบนชั้นสอง ใช้การ์ดพลาสติกงัดประตูห้องพักงัดเข้าไป ยกตู้เซฟออกม งัดด้วยไขควงเอาทรัพย์สิน ประกอบด้วยบัตรเอทีเอ็ม ซึ่งผู้เสียหายได้เขียนรหัสติดไว้ที่บัตรไปกดเงินได้ไปกว่า 5 หมื่นบาท ทรัพย์สินอื่น ๆ อีกหลายรายการ รวมมูลค่าทั้งสิ้น 437,000 บาท จากนั้นผู้ต้องหาเอาตู้เซฟไปซ่อนไว้บนฝ้าเพดานห้อง เหตุเกิดเมื่อวันที่ 19 ม.ค. และในวันเดียวกันผู้ต้องหาก็ได้ไปก่อเหตุในลักษณะเดียวกันที่โรงแรมดุสิต ดีทู แต่ไม่ได้ทรัพย์สินไป

พล.ต.ต.ศักดิ์ชัย กล่าวว่า หลังทราบเรื่องทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ระดมตรวจสอบกล้องวงจรปิดตามจุดต่าง ๆ พร้อมทั้งสืบสวนรวบรวมพยานหลักฐาน จนทราบแน่ชัดว่าคนร้ายคือนายฤทธิเมธ และขออำนาจศาลจังหวัดกระบี่ออกหมายจับ และทราบว่าผู้ต้องหาจะเดินทางไปที่เกาะพีพี จึงได้ประสานกับสภ.เกาะพีพี เพื่อให้จับกุมผู้ต้องหารายดังกล่าว ซึ่งต่อมาในวันที่ 27 ม.ค. เจ้าหน้าที่ตำรวจได้พบตัวนายฤทธิเมธเดินอยู่ที่บริเวณ ท่าเทียบเรือโดยสารเกาะพีพี จึงได้เข้าไปแสดงตัวเข้าทำการจับกุมพร้อมแจ้งข้อหา

“เบื้องต้นในชั้นการจับกุมนายฤทธิเมธได้ให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา โดยอ้างว่าทำงานรับเหมาแต่ประสบภาวะขาดทุนเป็นหนี้สินจำนวนมากจึงได้มาก่อเหตุดังกล่าว จนท.นำตัวส่งเจ้าพนักงานสอบสวนดำเนินคดีตามกฎหมาย และคัดค้านการประกันตัว” พล.ต.ต.ศักดิ์ชัย กล่าว

ผบก.ภ.จว.กระบี่ ระบุว่า จากการตรวจสอบประวัติอาชญากรรมของผู้ต้องหารายนี้ พบว่ามีประวัติโชกโชน เคยก่อเหตุในลักษณะดังกล่าวมาแล้วหลายครั้ง โดยเมื่อปี 56 ถูกจับกุมข้อหาลักทรัพย์ที่ภูเก็ต ก่อนที่จะพ้นโทษออกมาเมื่อประมาณปีเศษ จากนั้น ต.ค.62 ก็ได้ก่อเหตุอีกครั้งโดยการงัดห้องพักโรงแรมในย่านอ่าวนาง และย่ามใจกลับมาก่อเหตุลักทรัพย์ภายในโรงแรมอย่างต่อเนื่อง ซึ่งระยะเวลาไม่ถึง 1 เดือนก่อเหตุรวมถึง4 แห่ง กวาดทรัพย์สินไปหลายแสนบาท

สำหรับการจับกุมคนร้ายรายนี้ พ.ต.อ.พิษณุ พ่วงพร้อม ผกก.สส.ภ.จว.กระบี่ เปิดเผยเพิ่มเติมว่า จากการสอบสวนทราบว่า นายฤทธิเมธมีพฤติกรรมชอบใช้ของแบรนด์เนมและใช้จ่ายฟุ่มเฟือย ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ตำรวจใช้เวลากว่า1สัปดาห์ในการติดตามจับกุมตัวผู้ต้องหารายนี้ เนื่องจากหลังก่อเหตุได้เดินทางไปมาหลายที่ ไม่ว่าจะเป็นหาดใหญ่ ภูเก็ต นครศรีธรรมราช ก่อนที่จะพาแฟนกลับมาเที่ยวที่เกาะพีพีและถูกจับกุมดังกล่าว

ผู้การฯกระบี่เปิดเผยอีกว่า ภายหลังเกิดเหตุทางเจ้าหน้าที่ตำรวจก็ได้ประสานไปยังโรงแรมต่าง ๆ ในพื้นที่ให้เพิ่มความเข้มข้นในการสังเกตุ และตรวจสอบพฤติกรรมน่าสงสัยต่าง ๆ ควบคู่ไปกับการให้บริการ เนื่องจากมีกรณีตัวอย่างให้เห็นแล้ว อย่างไรก็ตามในส่วนของแฟนสาวของนายฤทธิเมธ เจ้าหน้าที่ตำรวจกำลังดำเนินการสืบสวนสอบสวน ว่าเธอมีส่วนรู้เห็นในการก่อเหตุครั้งนี้หรือไม่

“ขณะนี้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจกำลังสืบสวนว่าแฟนสาวของผู้ต้องหามีส่วนที่เกี่ยวข้องด้วยหรือไม่ ซึ่งต้องอาศัยพยานหลักฐานที่ชัดเจน เนื่องจากผู้ต้องหาก่อเหตุเพียงคนเดียว ส่วนทรัพย์สินที่เหลือทางตำรวจก็จะได้ทำการสืบหาต่อไป” พล.ต.ต.ศักดิ์ชัย กล่าว

 

 

แจ้งข่าว..คลิกที่นี่