ผู้ก่อเหตุทำร้ายสาวท้องแก่ ร้องสื่อขอความเป็นธรรม และจะแจ้งความกลับ

ภูเก็ต - วันนี้ (5 ก.พ. 2564) เวลา 09.00 น. ผู้สื่อข่าวเดินทางไปหมู่บ้านภูเก็ตวิลล่า 3 ต.วิชิต อ.เมือง จ.ภูเก็ต เพื่อพบกับนายสุทธิพร ธรฤทธิ์ ผู้ก่อเหตุ โดยได้เปิดเผยต่อผู้สื่อข่าวว่า ตนเข้าไปที่บริษัทไม่ได้ไปหาเรื่องผู้จัดการ แต่ตนเข้าไปเพื่อจะถามเรื่องเงินที่ขาดไป ตนวิ่งรถส่งของเดือนนี้ตนได้ประมาณเกือบ 1,000 ชิ้น และต้องได้เงิน 13,000 กว่าบาท แต่ทำไมทางบริษัทจ่ายให้ตนมาเพียง 11,000 กว่าบาทเท่านั้น ส่วนเงินที่เหลือหายไปไหน

เอกภพ ทองทับ

วันศุกร์ ที่ 5 กุมภาพันธ์ 2564, เวลา 13:15 น.

ภาพ เอกภพ ทองทับ

ภาพ เอกภพ ทองทับ

นายสุทธิพร กล่าวต่อไปอีกว่า ก่อนหน้านั้นมีเรื่องปัญหาทะเลาะกระทบกระทั่งกันมาโดยตลอด ส่วนใหญ่ตนทำถูกกฎระเบียบทุกอย่าง แต่ผู้จัดการไม่พอใจอาจเป็นเพราะผู้จัดการเอาพี่ชายผู้จัดการและผู้จัดการเอาพ่อมาทำงานที่บริษัทแห่งนี้ด้วย และเส้นทางที่ตนวิ่ง ตนมาทราบมาว่าผู้จัดการอยากให้พ่อของเขาที่ทำงานไปด้วยได้วิ่งเส้นทางนี้ และรู้สึกผิดที่ "ฟิวส์ขาด" เข้าไปทำร้ายร่างกายของผู้จัดการ

พร้อมระบุว่าต้องขอโทษด้วย แต่ไม่มีใครทราบว่าตนถูกผู้จัดการด่าว่าอย่างไรบ้างก่อนหน้านี้ การที่ตนเข้าไปทำร้ายตนรู้สึกผิดตนขอโทษที่บันดาลโทสะไปในวันนั้น ตนเข้าไปรับทราบข้อกล่าวหา ของเจ้าหน้าที่ตำรวจแล้ว และยืนยันว่าตนเป็นพนักงานของบริษัท การที่ผู้จัดการแจ้งให้ทางบริษัทใหญ่ทราบว่าตนหยุดงานบ่อยนั้นไม่เป็นความจริง ตนมีใบรับรองแพทย์ยืนยันได้ ตนหยุดเพราะตนเจ็บหลังมากเพราะยกของเป็นลังใหญ่ ๆ ทำให้ตนต้องเข้ารักษาที่ รพ.และได้ขอลาตามระบบของบริษัทถูกต้อง

ได้รับอนุญาตจากบริษัทใหญ่ให้ทำงานต่อได้ แต่ทำไมผู้จัดการสาขานี้จึงให้หยุดเป็นเพราะอะไร ทั้ง ๆที่ สายงานของที่รับผิดชอบส่งของทุกวัน ไม่มีของเหลือติดกลับมาที่บริษัทเลย ไม่เหมือนสายอื่น ๆ ต้องขอความเป็นธรรมจากสื่อด้วย เหรียญมีสองด้านเสมอ อยากให้ฟังตนบ้างว่าถ้าตนไปหาเรื่องผู้จัดการ ทำไมต้องเอาลูกไปด้วย และเมื่อไปถึงบริษัทก็เหมือนมีการเตรียมการกันไว้แล้ว โดยแม่ของผู้จัดการเอาร่มมาตีตน ผู้จัดการก็เอาเก้าอี้มาฟาดตนก่อนด้วย ด่าทอตนแบบเสีย ๆ หาย ๆหยาบคายมาก ๆ แต่ตนไม่มีพยานตนไม่สามารถนำภาพกล้องวงจรปิดที่บันทึกเหตุการในร้านเอามาให้ผู้สื่อข่าวได้เพราะผู้จัดการเขาไม่ให้ตนดู
ทั้งนี้ เมื่อวานนี้ (4 ก.พ.64) เวลา 10.00 น. นายสุทธิพรได้เข้าไปที่ สภ.ฉลอง เพื่อรับทราบข้อกล่าวหาแล้ว คือ ทำร้ายร่างกายให้ได้รับบาดเจ็บแก่กายและจิตใจ, บุกรุกในเคหะสถานในเวลากลางวัน และทำให้เสียทรัพย์

ล่าสุดวันนี้ (5 ก.พ.) ตนกับภรรยาจะเข้าแจ้งควมกลับบ้าง ทีแรกคิดว่าจะไม่แจ้งแล้วให้เรื่องทุกอย่างมันจบลงเพียงเท่านี้ แต่พอเห็นข่าวออกไปตนต้องปกป้องตัวเองบ้าง วันนี้จะเข้าไปแจ้งความที่ สภ.ฉลอง ส่วนเรื่องอะไรนั้นจะแจ้งให้ผู้สื่อข่าวทราบอีกครั้ง

ด้าน น.ส.ซันนี่ ภรรยาสาวของผู้ก่อเหตุกล่าวว่า “เรื่องมันมีกระทบกระทั่งกันมานานแล้ว โดยสามีโดนกระทำมาโดยตลอดเพื่อน ๆ ที่ทำงานในบริษัทก็รู้แต่ไม่มีใครกล้าออกมาเป็นพยานให้ เพราะอาจจะกลัวตกงานก็ได้ พฤติกรรมส่วนใหญ่คนในบริษัทเขารู้กันดีว่าเป็นอย่างไร จนไม่อยากพูดอีกอยากจะให้เรื่องมันจบ”

“แต่ขอชี้แจงว่าที่มีการแชทในเฟซว่าที่ได้บอกว่า คงไม่ได้เกิดแล้วนั้น จึงขอชี้แจงว่าจริง ๆ แล้วต้นอยากเคลียร์ปัญหาทุกอย่างให้จบ ก่อนที่เค้าจะคลอดลูก เพราะถ้าคลอดลูกเราคงไม่ได้คุยกัน ไม่ได้หมายความว่าจะไปทำร้ายเขาไม่ให้ลูกเขาเกิดแต่อย่างใด สามีเป็นคนดี ทำงานดี แต่ไม่เข้าตาผู้จัดการ ผู้จัดการสาวอาจไม่พอใจสามีตนที่ทำงานเกินหน้าเกินตา ในสายงานที่สามีตนรับส่งพัสดุก็ไม่มีปัญหาอะไร ไม่มีเหตุที่ผู้จัดการสาวจะไม่ให้สามีตนไม่ผ่านงาน อยากให้สื่อมวลชนดูทั้ง 2 ฝ่าย ยอมรับว่าสามีตนอารมณ์ร้อนเข้าไปทำร้ายร่างกายของผู้จัดการสาว แต่เมื่อตนเข้าไปมีการเตรียมการรอไว้รับสามีกับตนอยู่แล้ว แสดงว่าผู้จัดการและแม่ของผู้จัดการเตรียมการไว้แล้วขอให้สื่อดูตรงนี้ด้วย” เธอกล่าว

 

 

แจ้งข่าว..คลิกที่นี่