ปัจจุบันมีการขยายปริมาณมากขึ้นจำนวนมาก ทั้งนี้มาจากปัญหาเรื่องของการกำจัดและการขนถ่ายจากเกาะสู่ฝั่งด้วยระบบขนส่งทางเรือนั้นมีปัญหา ด้วยเรือมีสภาพชำรุดต้องรอการซ่อมแซม ซึ่งแม้ที่ผ่านมาเมืองพัทยาจะอนุมัติงบประมาณเพื่อว่าจ้างผู้เชี่ยวชาญทำการศึกษาแนวทางการกำจัดขยะอย่างถาวรด้วยระบบ “เตาเผาขยะ” แต่ขณะนี้ขั้นตอนดังกล่าวไม่แล้วเสร็จ ขณะที่ปริมาณขยะก็มีมากขึ้น ดังนั้นช่วงนี้จึงควรหาแนวทางลดปริมาณและแก้ไขขยะให้ได้ก่อนที่ระบบจะเดินหน้า
ที่ผ่านมา สภาเมืองพัทยา ได้เดินทางไปศึกษาวิธีจัดการปัญหาขยะในหลายพื้นที่ โดยเฉพาะของภาคเอกชนรายหนึ่งที่ดำเนินการอยู่ในพื้นที่ของหน่วยบัญชาการนาวิกโยธิน อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี และที่เทศบาลตำบลหนองเรือ จ.ขอนแก่น
พบว่ามีรูปแบบการบริหารจัดการที่มีประสิทธิภาพ และไม่ต้องใช้งบประมาณดำเนินการสูง เนื่องจากไม่ต้องสร้างโครงสร้างขนาดใหญ่ แต่เป็นการกำจัดขยะด้วยวิธีธรรมชาติคือการเติมอากาศในกองขยะ จากนั้นจะมาทำการคัดแยกเพื่อทำ RDF หรือเชื้อเพลิงจากขยะเหล่านี้ส่งจำหน่ายจำหน่ายตามแหล่งอุตสาหกรรม
โดยในพื้นที่ของสัตหีบนั้นพบว่าจากปริมาณขยะสะสมกว่าแสนตัน และสามารถจัดการให้ปริมาณขยะหมดไปได้ภายในเวลาแค่ 1 ปี จึงเป็นกรณีที่น่าสนใจในช่วงของการรอผลการศึกษา ซึ่งจะได้เสนอให้ฝ่ายบริหารนัดมาเจรจาเพื่อหารือกันในเร็ววันนี้
ขณะนี้คงตอบได้ว่าปัญหาขยะในพื้นที่ชุมชนบ้านเกาะล้านยังคงมีวิกฤติการณ์อยู่ แต่หากปล่อยไว้ต่อไปก็คงอาจส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและการท่องเที่ยว สภาจึงเสนอให้มีการแก้ไขเบื้องต้นด้วยระบบการเติมอากาศนี้ ซึ่งแม้จะใช้งบประมาณบ้างแต่ก็เพื่อลดปัญหา เพราะที่ผ่านมาเมืองพัทยาก็ใช้งบประมาณไปในโครงการที่ไม่เร่งด่วนหรือมีความจำเป็นเร่งด่วนเป็นจำนวนมาก ดังนั้นการใช้งบประมาณเพื่อแก้ไขปัญหาเรื่องเหล่านี้จึงมองว่าเป็นเรื่องจำเป็นและควรเร่งรัดดำเนินการ.