นายวิวัธน์ ชิดเชิดวงศ์ ผู้อำนวยการสำนักงาน เจ้าท่าภูมิภาคที่ 5 สาขาภูเก็ต กล่าวว่า การบูรณาการร่วมกันในการตรวจท่าเรือเอเชียมารีน่า ประกอบด้วย เจ้าท่าสาขาภูเก็ต ตำรวจท่องเที่ยว ดีเอสไอ นายทะเบียนธุรกิจนำเที่ยวและมัคคุเทศก์ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง สร้างความเชื่อมั่นให้กับนักท่องเที่ยว โดยเน้นความปลอดภัยของเรือและอุปกรณ์ต่าง ๆ มาตรฐานสวมใส่เสื้อชูชีพและจำนวนคนที่บรรทุกมาในเรือแต่ละลำ รวมทั้งการตรวจสอบในอนุญาตและประกาศนียบัตรผู้ควบคุมเรือ
“ผู้โดยสารส่วนใหญ่มาจากเกาะพีพีมาขึ้นที่ภูเก็ต ท่าเรือหลัก โดยเฉพาะ ท่าเรืออ่าวฉลอง ท่ารืออ่าวปอ ท่าเรือรัษฎา มีนักท่องเที่ยวเข้าใช้บริการมีปริมาณเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ เฉลี่ยวันละ 3,000-4,000คนต่อวัน โดยนักท่องเที่ยวที่มาใช้บริการท่าเรือต่าง ๆ ส่วนใหญ่พบว่าเป็นชาวรัสเซีย กลุ่มสแกนดิเนเวีย และจีน” นายวิวัธน์ กล่าว
“สำหรับท่าเรือหลักในภูเก็ตทั้ง 24 ท่าเรือ ได้มีการจัดเจ้าหน้าที่พนักงานประจำไว้สำหรับจุดตรวจต่าง ๆ เพื่อตรวจความพร้อมของเรือและคน การสวมเสื้อชูชีพ จัดชุดสุ่มตรวจใบอนุญาตในมาตรการทางกฎหมาย เพื่อบังคับใช้กฎหมายให้เรือปลอดภัย คนประจำเรือปลอดภัย ท่าเรือปลอดภัย”
ทางด้าน พ.ต.ท.เจริญ บุญศิลป์ พนักงานสอบสวนดีเอสไอ กล่าวว่า “จากการตรวจสอบในเบื้องต้นยังไม่พบว่าคนต่างชาติเป็นเจ้าของธุรกิจ ผู้ประกอบการส่วนใหญ่เป็นคนไทย ซึ่งจะต้องไปตรวจสอบเพิ่มเติมในข้อมูล จากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต่อไป จากภาพรวมการประกอบธุรกิจในภูเก็ต ยังคงพบว่ามีพิรุธในรายละเอียดการประกอบธุรกิจโดยนอมินี ซึ่งทางดีเอสไอจะลงมาตรวจสอบในโอกาสต่อไป”