ภูเก็ตขานรับทิ้งก้นบุหรี่หาดป่าตอง คุก 1 ปีปรับสูงสุด 1 แสน พ.ย. นี้

ภูเก็ต - ท้องถิ่นและผู้ประกอบการท่องเที่ยวขานรับ มาตรการห้ามสูบบุหรี่บนชายหาด ทช. เตรียมบังคับใช้ 20 หาดนำร่อง พ.ย.นี้ ภายหลังจาก การเก็บข้อมูลพื้นที่ 9 ตารางเมตร ที่ความลึก 10 เซนติเมตร ผลพบว่ามีค่าเฉลี่ยที่พบ เท่ากับ 0.76 มวนต่อตารางเมตร หรือมีจำนวน ณ วันที่เก็บเท่ากับ 101,058 มวน ตลอดแนวชายหาดป่าตอง

เอกภพ ทองทับ

วันพุธ ที่ 11 ตุลาคม 2560, เวลา 10:04 น.

นายจตุพร บุรุษพัฒน์ อธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง(ทช.) กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เปิดเผยว่า ศูนย์วิจัยและพัฒนาทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งอันดามัน ได้สำรวจปริมาณขยะประเภทก้นบุหรี่บริเวณพื้นที่ชายหาดป่าตอง ซึ่งผลลัพธ์ออกมาพบว่าเป็นสิ่งที่น่ากังวล

และเมื่อศึกษาเพิ่มเติมยังพบอีกว่า ก้นกรองบุหรี่เป็นขยะที่พบบ่อยและมากที่สุด ในพื้นที่ชายหาด โดยจากกการประมาณการทั่วโลกยังพบอีกว่า มีก้นกรองบุหรี่ประมาณ 4.5 ล้านมวนถูกผลิตขึ้น และใช้ในแต่ละปี โดยในนี้มีจำนวนกว่า 30 เปอร์เซ็นต์ถูกทิ้งกลายเป็นขยะสิ่งแวดล้อม

ทั้งนี้ หลังนำปัญหาเข้าหารือกับ พล.อ.สุรศักดิ์ กาญจนรัตน์ รมว.กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ได้สั่งการให้มีการหารือกับ 20 องค์กรปกครองส่วน ท้องถิ่นในจังหวัดภูเก็ต และผู้ว่าราชการจังหวัดที่ติดทะเล เพื่อหามาตรการไม่ให้มีการทิ้งก้นกรองบุหรี่ ซึ่งจากการหารือทุกแห่งเห็นด้วย

โดยตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2560 เป็นต้นไปจะอาศัยอำนาจตาม มาตรา 17 ของพระราชบัญญัติ ส่งเสริมการบริหารจัดการทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง พ.ศ 2558 จัดระเบียบในบริเวณชายหาดนำร่อง 20 หาด เช่น หาดแม่พิมพ์ หาดแหลมสิงห์ หาดบางแสน หาดชะอำ หาดเขาตะเกียบ หาดบ่อผุด (เกาะสมุย ) หาดทรายรี หาดป่าตอง จ.ภูเก็ต หาดเกาะไข่นอกและหาดเกาะไข่ใน หาดหัวหิน หาดประจวบ หาดพัทยา หาดจอมเทียนพัทยา และหาดสมิหลา จ.สงขลา ซึ่งอนาคตอาจจะประกาศเต็มรูปแบบทุกหาด

ทั้งนี้ นายจตุพร กล่าวว่า การห้ามสูบบุหรี่บนชายหาดไม่ได้เป็นการห้ามโดยเด็ดขาดแต่ จะเป็นการจัดระเบียบให้สูบเป็นที่เป็นทางก่อนเดินลงชายหาด มีที่ให้ทิ้งก้นบุหรี่ ห้ามเดินไปสูบไป เพราะมีโอกาสทิ้งก้นบุหรี่สูง โดยจะให้เจ้าหน้าที่ทช.ร่วมกับท้องถิ่นนั้นๆช่วยกันกำกับดูแล สำหรับโทษ หากฝ่าฝืนนั้นจะถูก จำคุก 1 ปี ปรับไม่เกิน 1 แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

ทั้งนี้จากมาตรการดังกล่าวผู้สื่อข่าวได้สอบถามไปยัง นายสรายุทธ มัลลัม ประธานสภา อุตสาหกรรมท่องเที่ยวภูเก็ต ในฐานะผู้ประกอบการ ระบุว่า เห็นด้วยกับมาตรการดังกล่าว เนื่องจากปัจจุบันเป็นที่ทราบดีว่าชายหาดที่มีชื่อเสียงต่างๆในทั่วโลกได้มีการบังคับใช้กฎหมาย ห้ามสูบบุหรี่ หรือทิ้งก้นบุหรี่ในพื้นที่ชายหาด เพราะนอกจากสกปรกแล้วยังเป็นอันตราย หากไฟไม่มอดดับ อาจมีผู้เหยียบได้รับอันตราย โดยหลายประเทศมีการทำโซนนิ่งให้สูบนอกพื้นที่ชายหาด ซึ่งเป็นเรื่องที่ดีหากมีการบังคับใช้มาตรการดังกล่าวในภูเก็ต และประเทศไทย

“ส่วนโทษของผู้ฝ่าฝืนนั้น จำคุก 1 ปี ปรับไม่เกิน 1 แสนบาทหรือทั้งจำทั้งปรับนั้น เชื่อว่าสมเหตุสมผล หากมีการบังคับใช้แบบเต็มรูปแบบ สำหรับผู้ที่ทราบและยังฝ่าฝืน โทษดังกล่าวก็นับว่าสมน้ำสมเนื้อ แต่ถ้าเป็นนักท่องเที่ยวซึ่งไม่ทราบเกี่ยวกับมาตรการหรือเพิ่งทำเป็นครั้งแรกก็เชื่อว่าศาลฯท่านจะมีดุลยพินิจผ่อนหนักเป็นเบาให้” นายสรายุทธ กล่าว

ทั้งนี้ นายสรายุทธยังได้เสนอแนะให้จังหวัด ท้องถิ่น และกรม ทช.มีการทำการประชาสัมพันธ์ล่วงหน้าให้ชัดเจนให้เกิดประสิทธิภาพ มีความเข้าในทุกระดับอย่างทั่วถึง

ด้านนางสาวเฉลิมลักษณ์ เก็บทรัพย์ นายกเทศมนตรีเมืองป่าตอง ซึ่งเป็นหน่วยงานสำคัญระดับท้องถิ่น กล่าวว่า เห็นด้วยกับมาตรการดังกล่าวเป็นอย่างยิ่ง เนื่องจากที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่ซึ่งดูแลความสะอาดของเทศบาลเมืองป่าตองและผู้ประกอบการบริเวณชายหาดต้องใช้เวลาจำนวนมากในแต่ละวันเพื่อช่วยทำการร่อนขยะประเภทก้นกรองบุหรี่ที่บริเวณชายหาด ซึ่งพบว่ามีจำนวนมาก และเก็บเท่าไหร่ก็ไม่มีทางหมด โดยเฉพาะจุดบริเวณโซนนิ่ง 10 เปอร์เซ็นต์ ทั้ง 5 จุด ซึ่งจัดไว้สำหรับบริการร่มเตียงแก่นทท. เพราะเมื่อนทท.ใช้เวลาพักผ่อนบนเตียงหรือในร่มเป็นเวลานานก็จะสูบบุหรี่และทิ้งลงในทราย

ทั้งนี้ ถึงแม้ว่าการประกาศใช้มาตรการห้ามสูบบุหรี่บนชายหาดจะเป็นเรื่องที่ดี แต่สุดท้ายเชื่อว่าก็ต้องขึ้นอยู่กับจิตสำนึกของคนเป็นที่ตั้ง ในช่วงแรกอาจต้องมีการประชาสัมพันธ์ทำความเข้าใจในทุกกลุ่มให้ทั่วถึง โดยเฉพาะกลุ่มผู้ประกอบการที่จะทำหน้าที่ตักเตือนนทท. เพราะเดิมทีแค่ประชาสัมพันธ์ขอความร่วมมือห้ามทิ้ง มาบังคับใช้กฏหมาย หากฝ่าฝืนมีความผิด แต่เชื่อว่านทท.จะรับได้ และโทษที่กำหนดอาจทำให้คนเกรงกลัวความผิดมากขึ้น

โดยทางเทศบาลฯมีความพร้อมให้ความร่วมมือในการบังคับใช้กฎหมาย ซึ่งอาจจะต้องมีการหารือกับผู้ออกมาตรการ(กรม ทช.)เพิ่มเติมถึงรายละเอียดที่บังคับใช้ และแนวทางการทำงานร่วมกัน ก่อนถึงวันบังคับใช้กฎหมายอีกครั้งเพื่อความชัดเจน

 

 

แจ้งข่าว..คลิกที่นี่