พล.ร.ท.เชิงชาย กล่าวว่า ภูเก็ตมีศักยภาพด้านการประมงมีท่าเรือประมงมาตรฐาน จำนวน 17 ท่า มีเรือประมงพาณิชย์ จำนวน 352 ลำ มีแรงงานทำงานในเรือประมง 2,948 คน เป็นคนไทย 1,084 คน แรงงานต่างด้าว เมียนมา กัมพูชา ลาว จำนวน 1,864 คน ในปี 2563 ที่ผ่านมา ปริมาณสัตว์น้ำจากเรือประมงพาณิชย์ที่ขึ้นท่าในจังหวัดภูเก็ต ปริมาณ 102,160 ตันต่อปี มูลค่าประมาณ 5 พันล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 8.51 ของปริมาณสัตว์น้ำขึ้นท่าจากเรือประมงพาณิชย์ทั้งประเทศ
ในช่วงสถานการณ์โควิด-19 ภาคเศรษฐกิจที่สามารถขับเคลื่อนได้ ที่ได้รับผลกระทบน้อยที่สุดคือภาคการประมง สามารถจับสัตว์น้ำและส่งออกไปยังผู้บริโภคได้ ตลอดช่วงสถานการณ์โควิด และตั้งแต่เกิดการระบาดทั้งสองระลอก
จะเห็นได้ว่าไม่มีแรงงานภาคประมงติดเชื้อโควิด-19 โดยเฉพาะภาคใต้และภูเก็ตไม่มีชาวประมงหรือผู้ประกอบการประมง กิจการแพปลา ท่าเรือ ไม่มีผู้ติดเชื้อแม้แต่รายเดียว ด้วยทางท่าเรือและผู้เกี่ยวข้องได้ควบคุมป้องกันการแพร่ระบาดโรคโควิด-19 อาศัยความร่วมมือกันที่ต้องรักษากฎระเบียบ ระมัดระวังไม่ให้มีการแพร่ระบาดจากภายนอก เนื่องจากเรือประมงเป็นภาคกิจการที่ต้องออกไปทำการประมงและไปยังพื้นที่ต่าง ๆ การควบคุมดูแลไม่ให้ชาวประมงไปติดเชื้อโควิดจากถิ่นอื่นจึงเป็นเรื่องสำคัญ รวมทั้งมาตรการของท่าเรือได้คัดกรองชาวประมงรวมทั้งผู้มาซื้อขายปลาบนท่าเรือ มีการตรวจสอบไม่ให้เกิดการติดเชื้อหรือแพร่ระบาดในพื้นที่
“กิจกรรมวันนี้เป็นการสร้างความเชื่อมั่นให้ผู้บริโภคได้เห็นว่าสถานประกอบการ ผู้ประกอบการ และภาครัฐทุกภาคส่วนให้ความสำคัญ มีมาตรการคุมเข้มการแพร่ระบาดของโควิด-19 และเป็นการสร้างความเชื่อมั่นว่า สัตว์น้ำที่ได้จากการประมงในจังหวัดภูเก็ต มีความปลอดภัยตามมาตรฐานสากล ผู้บริโภคมั่นใจสัตว์น้ำและสินค้าจากเรือประมงในการบริโภคสัตว์น้ำได้ 100%” พล.ร.ท.เชิงชาย กล่าวทิ้งท้าย