ภูเก็ตสั่งห้ามเข้าออกกะรน ราไวย์ ส่งทีมเข้าค้นหาผู้ติดเชื้อ ฉีดพ่นฆ่าเชื้อทุกหลัง

ภูเก็ต - นายภัคพงศ์ ทวิพัฒน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต ในฐานะผู้กำกับการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉินในเขตพื้นที่จังหวัดภูเก็ต ได้ลงนามคำสั่งจังหวัดภูเก็ต เมื่อวันที่ 5 เมษายน 2563 รวม 2 คำสั่ง ประกอบด้วย คำสั่งจังหวัดภูเก็ตที่1825/2563 และ 1826/2563 เรื่องปิดสถานที่และกำหนดมาตรการควบคุมการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 พื้นที่ตำบลกะรน และพื้นที่ตำบลราไวย์ มีผลตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป จนกว่าจะมีคำสั่งเป็นอย่างอื่น

ข่าวภูเก็ต

วันจันทร์ ที่ 6 เมษายน 2563, เวลา 14:47 น.

ภาพ เทศบาลตำบลราไวย์

ภาพ เทศบาลตำบลราไวย์

สาระสำคัญในคำสั่งฉบับดังกล่าว ระบุว่า จากการติดตามสถานการณ์การแพร่ระบาดในจังหวัดภูเก็ตพบว่ายังคงมีจำนวนผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ประกอบกับ ศูนย์อำนวยการแก้ไขปัญหาการป้องกันการแพร่กระจายของไวรัสโควิด-19 ตำบลกะรนได้เสนอมาตรการแนวทางการแก้ไขปัญหา ทางคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดภูเก็ตจึงมีมติที่ประชุมครั้งที่ 16/2563 เนื่องจากพื้นที่ตำบลกะรนเป็นพื้นที่เสี่ยงต่อการติดเชื้อไวรัสโควิด-19 เพื่อป้องกันมิให้โรคนั้นแพร่ โดยทางตรงหรือทางอ้อมไปยังผู้อื่นจึงห้ามประชาชนเข้าไปหรือออกจากพื้นที่ดังกล่าว ปิดสถานที่จอดรถรับส่งผู้โดยสารของรถรับจ้างสาธารณะวิ่งรับส่งผู้โดยสาร กำหนดจุดตรวจคัดกรองบริเวณจุดชมวิว 3 อ่าว, บริเวณปากทางเข้าหาดฟรีดอม, บริเวณเนินกะตะ(ก่อนถึงแยกโคกโตนด)

ขอความร่วมมือให้ประชาชนในพื้นที่ มิให้ออกนอกเคหสถานหรือบริเวณสถานที่พำนักของตน เพื่อป้องกันตนเองจากการรับเชื้อและอาจเป็นพาหะในการกระจายของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ไปยังบุคคลอื่น

ในส่วนของเทศบาลราไวย์เทศบาลตำบลราไวย์ ทางจังหวัดได้มีคำสั่งห้ามประชาชนเข้าไปหรือออกจากพื้นที่ดังกล่าว กำหนดจุดตรวจคัดกรองโรค บริเวณรอยต่อตำบลกะรน-ตำบลราไวย์ และบริเวณหน้าห้างโลตัสสาขาราไวย์

โดยทั้ง 2 พื้นที่ให้สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดร่วมกับอำเภอและเทศบาลตำบลกะรน จัดบุคลากรเข้าตรวจวัดไข้ประชาชนในพื้นที่ทุกคน หากพบผู้ใดมีอาการเข้าข่ายที่ต้องเฝ้าระวังโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 จะต้องถูกส่งไปแยกกัก กักกัน หรือคุมไว้สังเกตอาการยังสถานที่ที่จังหวัดกำหนด และให้เทศบาลตำบลกะรน ทำความสะอาดสถานที่สาธารณะ ถนน บ้านพักอาศัย ร้านค้าในเขตพื้นที่ตำบลกะรน โดยการฉีดฆ่าเชื้อทั้งหมดทุกหลังคาเรือน ตั้งแต่วันที่ 6 เมษายน 2563 เป็นต้นไปจนกว่าจะมีคำสั่งเป็นอย่างอื่น

ขอความร่วมมือให้ประชาชนในพื้นที่มิให้ออกนอกเคหสถาน หรือบริเวณสถานที่พำนักของตน เพื่อป้องกันตนเองจากการรับเชื้อ และอาจเป็นพาหะในการกระจายของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19ไปยังบุคคลอื่น หากผู้ใดฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามคำสั่งฉบับนี้ อาจเป็นความผิดตามมาตรา 52 แห่งพ.ร.บ.โรคติดต่อ พ.ศ.2558 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาทหรือทั้งจำทั้งปรับ และอาจได้รับโทษตามมาตรา 18 แห่งพระราชกำหนดการบริหาราชการในสถานการณ์ฉุกเฉินพ.ศ.2548ตามข้อกำหนดตามความในมาตรา 9 แห่งพระราชกำหนดการบริหาราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548(ฉบับที่1)

 

 

แจ้งข่าว..คลิกที่นี่