ภูเก็ตเตรียมรับเทรนด์นักท่องเที่ยวจีนแนวใหม่ไฉไลกว่าเก่า

ภูเก็ต - ภูมิกิตติ์ รักแต่งาม นายกสมาคมธุรกิจการท่องเที่ยวจังหวัดภูเก็ต เปิดเผยมุมมองการท่องเที่ยวจังหวัดภูเก็ต ภายในงานเสวนา “เทรนด์การท่องเที่ยวและอสังหาริมทรัพย์ภูเก็ต 2562” พร้อมแสดงความเชื่อมั่นว่านักท่องเที่ยวจีนจะกลับมาท่องเที่ยวในภูเก็ตแบบเต็มรูปแบบแน่นอน แต่อาจจะต้องให้เวลากับนักท่องท่องเที่ยวสักหน่อย หลังเหตุการณ์ไม่คาดฝันที่ไม่มีใครอยากให้เกิดขึ้นคือ อุบัติเหตุเรือฟีนิกซ์จมลงสู่ท้องทะเลอันดามัน เมื่อวันที่ 5 กรกฎาคม ที่ผ่านมา ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตถึง 47 ราย

จุฑารัตน์ เปลรินทร์

วันจันทร์ ที่ 15 ตุลาคม 2561, เวลา 09:00 น.

ซึ่งภายหลังเกิดเหตุทีมกู้ซากเรือก็ได้เข้าไปปฏิบัติการ ตามแผนคือเร่งนำเรือขึ้นคาน เพื่อการตรวจสอบร่วมกันระหว่างกรมเจ้าท่า ตำรวจเจ้าของคดี และผู้เชี่ยวชาญ แต่แผนกู้ซากเรือฟีนิกซ์ได้ล่าช้าไปมากว่า 2 เดือนแล้ว จากแผนเดิมได้กำหนดไว้ว่าจะสามารถนำซากเรือขึ้นเหนือผิวน้ำได้ภายในวันที่ 12 ส.ค. แต่เนื่องจากปัญหาอุปสรรคจากสภาพอากาศที่แปรปรวนและเรือจมอยู่ในระดับน้ำลึก ทำให้เกิดปัญหาอุปสรรคในการดำเนินการ และเป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตจากการกู้เรือ 1 ราย คือนายนิพัฒน์ (จ๊อส) กลัดนาค อายุ 37 ปี พนักงานของบริษัทกู้เรือเมื่อช่วงเที่ยงของวันเสาร์ที่ 29 ก.ย. ขณะปฏิบัติหน้าที่ท้ายเรือแล้วเกิดวูบเป็นลมหมดสติตกน้ำไปและเสียชีวิตในที่สุด (อ่านเพิ่มเติม คลิก)

นายกสมาคมธุรกิจการท่องเที่ยวจังหวัดภูเก็ต ยอมรับว่าจำนวนนักท่องเที่ยวชาวจีนลดลงอย่างมาก เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันกับปีที่ผ่านมา หากเทียบเป็นตัวเลขเฉลี่ยทั่วทั้งเกาะภูเก็ตแล้วตัวเลขปัจจุบันลดลงอยู่ที่ 50% อย่างไรก็ตามในสิ่งที่เรียกได้ว่าเป็นวิกฤติของผู้ประกอบการท่องเที่ยวชาวภูเก็ต ก็ยังมีโอกาสที่น่าสนใจซ่อนอยู่ นั่นก็คือนักท่องเที่ยวชาวจีนแบบ Free Independent Travelers (FIT) หรือ นักท่องเที่ยวที่เดินทางท่องเที่ยวแบบอิสระ เป็นกลุ่มที่วางแผนการเดินทางด้วยตัวเอง ซึ่งจะมีความแตกต่างกับกลุ่มนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาพร้อมกับกรุ๊ปทัวร์

“นักท่องเที่ยวที่หายไปจากภูเก็ตในวันนี้คือกรุ๊ปซีรี่ย์ บางโรงแรมหายไป 100% บางโรงแรมหายไปที่ 40-60% ถ้าเฉลี่ยทั้งเกาะคือหายไป 50% ในส่วนของกรุ๊ปซีรี่ย์ ซึ่งในอดีตถ้าเทียบกลุ่ม Group Series กับ FIT คือกลุุ่มที่เดินทางมาเอง ตัวเลขมันอยู่ที่ 70/30 จากค่าเฉลี่ยที่ได้ทำให้กลุ่มกรุ๊ปทัวร์หายไปจาก 70% ก็จะเหลืออยู่ที่ประมาณ 35% เพราะตัวเลขของ FIT ยังโอเคอยู่ คำนวณง่าย ๆ จาก 100 ตัวเลขนักท่องเที่ยวจีนในปีนี้จะคงเหลือที่ร้อยละ 65” นายภูมิกิตติ์ กล่าว

แต่สิ่งที่นายกสมาคมธุรกิจการท่องเที่ยวจังหวัดภูเก็ตเกรงก็คือ ผู้ประกอบการแต่ละรายกำลังไม่เท่ากัน แต่ทุกคนจะต้องพยายามอยู่รอดให้ได้ ซึ่งทางลัดในการแก้ไขปัญหาระยะเร่งด่วนก็คือ “ลดราคา”

“สุดท้ายเราก็มีความกังวลอยู่พอสมควรว่าสุดท้ายจะไปกันได้ไกลแค่ไหน” นายภูมิกิตติ์ กล่าว “แต่ในแง่ของภาพรวมที่เรามองจากฝั่งของผู้ประกอบการท่องเที่ยวที่ทำธุรกิจด้านโรงแรม ก่อนที่จะเกิดเหตุการณ์เราได้มีการพูดคุยกันอยู่ตลอดว่าเราอยากเห็นอัตราส่วนของนักท่องเที่ยวจีนอยู่ที่ 50/50 เพราะที่ผ่านมาเราก็ได้พบเจอกับปัญหาจากแขกกรุ๊ปอยู่พอสมควร แต่วันนี้มันคือสิ่งที่พวกเราคาดไม่ถึง เพราะอยู่ ๆ แขกกรุ๊ปหายไปเลย”

อย่างไรก็ตาม ทางสมาคมฯก็ได้ร่วมมือกับทางภาครัฐ คือ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย และ กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ในการสร้างความมั่นใจด้านความปลอดภัยให้แก่นักท่องเที่ยวจีน

“สิ่งที่นักท่องเที่ยวจีนต้องการคือความปลอดภัย เพราะฉะนั้นการลดราคาไม่ได้ตอบโจทย์ของปัญหานี้เท่าไร นักท่องเที่ยวไม่ได้เดินทางมาเพราะราคาที่ถูกหรือแพง เขามาเพราะเขามั่นใจในการที่จะเดินทางมาท่องเที่ยว เราต้องแก้โจทย์ด้านความมั่นใจให้ได้ ทั้งนี้จากการพูดคุยกับทางตัวแทนกงสุลจีน เราก็ได้ทราบว่าทางกงสุลจีนมีความพอใจในการดำเนินงานของเรา” เขากล่าว

“เพียงแต่ว่าประเทศจีนเป็นประเทศที่ใหญ่ และจากข่าวที่ออกไปเราก็ต้องใช้ความพยายามมากขึ้น เพราะฉะนั้นการสร้างความมั่นใจต้องใช้เวลาสักระยะ และการแก้ไขก็ไม่สามารถทำได้จากเพียงด้านเดียว” นายภูมิกิตติ์ กล่าว “หากถามผมว่ามองตลาดจีนยังไงผมว่ากลับ ยังไงก็กลับ แต่ต้องใช้เวลานิดนึง”

2 เหตุผล ที่ทำให้นายกสมาคมฯเชื่อว่านักท่องเที่ยวชาวจีนจะต้องกลับมา คือ รัฐบาลจีนจะเพิ่มจำนวนพาสปอร์ตขึ้นอีก 4% ให้ประชากรทั่วประเทศ “ประชากรจีนมีพันกว่าล้านคน มีเพียง 8% ที่มีพาสปอร์ต ผมเคยคุยกับนักข่าว Wall Street Journal ที่เซี่ยงไฮ้ และกงสุลจีนในสถานฑูตจีน เขาบอกว่ารัฐบาลจีนพยายามจะเพิ่มพาสปอร์ตให้เป็น 12% ในอีก 2 ปีข้างหน้า และ 4% ที่เพิ่มขึ้นมาก็ราว ๆ 120 ล้านคน ที่เรียกได้ว่าเป็น ‘New Passport’ เพราะฉะนั้นคนจีนที่ออกนอกประเทศครั้งแรกเขาไปไหน และแน่นอนจากข้อมูลก็บอกชัดเจนว่า “ประเทศไทย” นายภูมิกิตติ์ กล่าว

“ถ้าเราตั้งคำถามเพื่อกำหนดตัวบ่งชี้ว่าจะกลับมาหรือไม่นั้นมันอาจจะเร็วเกินไป ไทม์ไลน์ที่จะวัดกันจริง ๆ ว่าจะมาหรือไม่มาคือ ‘ตรุษจีน’ ซึ่งเป็นช่วงเวลา 6 เดือนหลังจากเกิดเหตุไปแล้ว เราจึงจะวัดได้ว่าดัชนีของจริงมันคืออะไร”

“ผมเชื่อว่าถึงตรุษจีนไม่มีอะไรมาซ้ำเติมก็น่าจะเห็นชาวจีนเยอะขึ้น แต่จะเพิ่มขึ้นในแบบที่เราต้องการคือ FIT กรุ๊ปจะกลับมาจริงแต่ผมเชื่อว่าจะน้อยลง เพราะตามโปรแกรมกรุ๊ปทัวร์จะต้องไปเที่ยวทะเลอย่างน้อย 2 ครั้งในทริป 3-4 วันที่ภูเก็ต ซึ่งเมื่อทะเลมีปัญหานักท่องเที่ยวกลุ่มนี้ก็จะน้อยลง ผมว่ามันก็แฟร์นะ” เขากล่าว

“ถึงตอนนี้เราต้องพูดความจริงว่า พวกเราหลายคนสร้างธุรกิจมาเพื่อนักท่องเที่ยวชาวจีน เราไม่ได้กระจายความเสี่ยงเรื่องโรงแรมและตลาดอื่น พอเราสร้างทุกอย่างเพื่อกลุ่มจีน และนักท่องเที่ยวกลุ่มจีนไม่มาเราก็เจอกับปัญหาหนัก ยอมรับว่าพวกเราบางคนหนักจริง ๆ แต่ตอนนี้ก็กำลังช่วยกันอยู่”

“ก่อนหน้านี้สมาคมฯเคยคุยกันก่อนเหตุการณ์นี้จะเกิดว่าชาวจีนที่มาเที่ยวคือดีมากในแง่ของการเข้ามา ซึ่งในลักษณะนี้เราต้องมีการจัดการที่ดีเพราะมีความเสี่ยงสูงมาก ทำให้เมื่อปีที่แล้วเราตั้งแผนการท่องเที่ยวไปทำการตลาดที่อินเดีย แต่ก็ไม่คิดว่าจะเกิดเหตุการณ์ที่ทำให้จีนหายไปเร็วขนาดนี้ สิ่งที่เรามองคือเราต้องทำลายความเสี่ยงในการทำโรงแรม การตลาด เพราะเราไม่สามารถผูกขาดตลาดใดตลาดหนึ่งได้ แม้กระทั่งบางโรงแรมที่บอกว่ายุโรปเยอะ ๆ ก็ยังต้องรับออสเตรเลียและเอเชียอยู่ดี” นายภูมิกิตติ์ กล่าว

ก้องศักดิ์ คู่พงศกร นายกสมาคมโรงแรมภาคใต้ เสริมว่า อยากให้ทุกท่านมั่นใจได้เลยว่าจีนกลับมาแน่นอน และจะกลับมาในแบบ FIT มากกว่ากรุ๊ป อีกเหตุผลหนึ่งสำคัญคือ ต้องมั่นใจในความเป็นภูเก็ต เพราะภูเก็ตไม่ได้ยืนอยู่เพียงลำพัง ภูเก็ตยังมีพังงาและกระบี่ที่จะมาร่วมผนึกกำลัง เพื่อความยิ่งใหญ่ในระดับโลกได้อย่างแน่นอน

“เพราะเราไม่ได้เป็นภูเก็ตโดดเดี่ยว เราเป็นภูเก็ต-พังงา-กระบี่ เราแทคทีมเป็นคลัสเตอร์อันดามันแล้ว เรายิ่งใหญ่กว่าคู่แข่งทั่วโลกแน่นอนถ้าดูจากแผนที่การท่องเที่ยวของโลก ภูเก็ตติดอันดับตลอดด้วยเหตุผล “ความสวยงาม” และอีกอย่างคือ จะมีสักกี่ประเทศที่น้ำทะเลอุ่น และเราสามารถเล่นน้ำได้ตลอดทั้งปี” นายก้องศักดิ์ กล่าว

นอกจากนี้ นายกสมาคมโรงแรมภาคใต้ ยังได้กล่าวอีกว่า การท่องเที่ยวของภูเก็ตมีความหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นในรูปแบบของศาสตร์การทำอาหาร การท่องเที่ยวชุมชน สปอร์ต และอื่น ๆ

“ในวิกฤติเรามีโอกาส นักท่องเที่ยวที่กลับมาจะเป็น FIT มากขึ้น กลุ่มโรงแรมที่เคยรับจีน 100% เริ่มเปลี่ยน เริ่มเข้าใจว่าเราฝากไข่เอาไว้กับตะกร้าใบเดียวไม่ได้ เราต้องเริ่มกระจายไปทำหลายตลาดมากขึ้น หลายเชื้อชาติมากขึ้น นี่คือสัญญาณที่ดีที่จะผลักดัน และเป็นตัวเร่งให้สัดส่วนระหว่างกรุ๊ปกับ FIT ในนักท่องเที่ยวทุกชาติเติบโตขึ้นมา ซึ่งมันจะทำให้ภูเก็ตเป็น “Luxury Destination” มากขึ้น” นายกสมาคมโรงแรมภาคใต้ กล่าว

 

 

แจ้งข่าว..คลิกที่นี่