ยอดนักดำน้ำชาวเบลเยียม จากภูเก็ตสู่เชียงรายกับภารกิจค้นหาและช่วย 13 หมูป่าในถ้ำหลวง

ภูเก็ต - ภารกิจช่วยเหลือเยาวชนนักฟุตบอลทีมหมูป่าอะคาเดมี และโค้ช 13ชีวิต ซึ่งยังอยู่ในถ้ำหลวงขุนน้ำนางนอน อ.แม่สาย จ.เชียงราย ยังคงดำเนินต่อไป หลังจากการค้นหาที่แสนยากลำบากของเจ้าหน้าที่หลายหน่วยงานจากทั้งไทยและต่างชาติที่ร่วมกันระดมกำลังค้นหา และการเฝ้ารอลุ้นและให้กำลังใจเป็นระยะเวลากว่า 10 วัน กระทั่งทีมนักดำน้ำจากประเทศอังกฤษพบตัวน้อง ๆ และโค้ชทีมหมูป่าเป็นกลุ่มแรก เมื่อคืนวันที่ 2 กรกฎาคมที่ผ่านมา พร้อมระบุว่าทุกคนยังปลอดภัย สร้างเสียงโห่ร้องดีใจแผ่ซ่านไปทั่วพื้นที่ถ้ำหลวง รวมถึงชาวไทยและชาวต่างประเทศที่เฝ้ารอคอยติดตามข่าวจากทางบ้าน

Matt Pond

วันเสาร์ ที่ 7 กรกฎาคม 2561, เวลา 09:00 น.

นับว่าเป็นข่าวดีและต้องยกความดีความชอบให้กับทีมงานทุกคนที่ได้ร่วมกันปฏิบัติภารกิจอันแสนยากลำบากนี้ แต่ภารกิจสุดหินกำลังจะเริ่มขึ้นกับการนำตัวทุกคนออกมาจากถ้ำได้อย่างปลอดภัย

ซึ่งหนึ่งในผู้ปฏิบัติภารกิจสุดหินแห่งปีของประเทศไทยนี้ก็คือ เบน เรย์เมแนนท์ส สุดยอดนักดำน้ำเทคนิคมากประสบการณ์ชาวเบลเยียมจากจังหวัดภูเก็ตที่ได้เดินทางไปร่วมค้นหาน้อง ๆ ตั้งแต่วันที่ 28 มิถุนายน ที่ผ่านมา โดยเบนได้กล่าวกับ The Phuket News สำนักข่าวภาษาอังกฤษพี่ชายของ ข่าวภูเก็ต ว่านาทีที่ทุกคนรู้ว่าทีมค้นหาเจอตัวน้อง ๆ นั้นทั่วบริเวณกึกก้องไปด้วยเสียงร้องแสดงความยินดีและน้ำตาแห่งความสุข

เมื่อถามว่าเบนเข้าร่วมภารกิจนี้ได้อย่างไร เขาตอบว่า “ผมได้รับโทรศัพท์ในช่วงเย็นวันที่ 27 จากเจ้าหน้าที่กองทัพเรือ ถามว่าผมจะสามารถเข้าร่วมในภารกิจครั้งนี้ได้หรือไม่ ด้วยประสบการณ์การดำน้ำของผม”

เบน เป็นเจ้าของโรงเรียนสอนดำน้ำเทคนิค Blue Label Diving ในพื้นที่ราไวย์ ผู้มีความเชี่ยวชาญในการดำน้ำสำรวจถ้ำลึก รวมถึงการใช้อุปกรณ์พิเศษในการช่วยชีวิต ซึ่งนั่นก็ทำให้เขามีความรู้ความสามารถและความชำนาญมากกว่าการดำน้ำลึกทั่วไป

“ผมคิดว่าประสบการณ์และความรู้ของผมรวมทั้งอุปกรณ์ที่มีอยู่จะเป็นประโยชน์กับภารกิจนี้ และต้องขอบคุณแอร์เอเชียที่ช่วยดูแลเรื่องเที่ยวบินและอุปกรณ์ดำน้ำกว่า 85 กิโลกรัมของผม”

เบนเล่าว่า หน้าที่หลักของเขาคือ การขึงเชือกเส้นใหญ่สำหรับปีนเป็นไลน์นำทางระยะ 2.5 กิโลเมตร จากแคมป์ 3 จนถึงพัทยาบีช ซึ่งเป็นจุดที่คาดว่าจะพบเด็ก ๆ และโค้ช และนี่ก็ต้องใช้หลักการพิจารณาและคาดเดาล้วน ๆ เพราะพวกเขาไม่รู้เลยว่าทีมหมูป่าจะสามารถเข้าไปสู่โถงที่แห้งได้ทันเวลาหรือไม่ ในขณะที่ภายในถ้ำเริ่มมีน้ำท่วมเนื่องจากฝนที่ตกลงมาอย่างหนักกะทันหัน

“เราคาดว่าเด็ก ๆ น่าจะอยู่ที่พัทยาบีชหรือในห้องเล็ก ๆ ที่ห่างออกไปอีกประมาณ 200 เมตร ที่ทราบกันว่าเป็นบริเวณที่ยังแห้งอยู่ได้ในระหว่างฤดูมรสุม ทั้งยังมีออกซิเจนเพียงพอสำหรับการดำรงชีวิตได้หลายเดือน รวมถึงน้ำสะอาดที่หยดลงมาจากหินย้อยด้านบนอีกด้วย” เบน กล่าว

ความรู้สึกที่สัมผัสได้ในระหว่าง การปฏิบัติการค้นหา

“ประหม่าและกดดันมากในช่วงแรก เพราะมันเป็นอะไรที่ยากมากในการที่จะทำงานให้ลุล่วงได้ในช่วงเวลานั้น เจ้าหน้าที่ทหารเรือและเจ้าหน้าที่การไฟฟ้าทำการวางสายเพื่อการติดต่อทางวิทยุจนถึงขอบเขตที่กำหนด 800 เมตรจากโถงพัทยาบีช แต่ด้วยปริมาณน้ำฝนที่เพิ่มมากขึ้นอย่างรวดเร็ว เนื่องจากฝนที่ยังคงตกลงมาไม่ขาดสาย 30 เซนติเมตรต่อชั่วโมง พวกเขาต้องล่าถอยกลับทันทีในระยะประมาณ 1.5 กม.ก่อนจะถึงโถงดังกล่าว ที่เรียกว่า แคมป์ 3” เบน กล่าว

ความซับซ้อนและสภาพภายในถ้ำ

“วันแรกคืองานที่หินสุด ๆ ผมรู้สึกเหมือนกำลังปีนภูเขาเอฟเวอร์เรสต์ กับการที่ต้องดึงตัวเองให้ผ่านเข้าไปให้ได้อย่างรวดเร็ว ปีนป่ายหลายต่อหลายครั้งบนพื้นหินที่มีสภาพเป็นดินโคลนและลาดชัน และเมื่อเราเข้าไปถึงจุดที่มีน้ำที่บริเวณแคมป์ 3 เราสามารถมองเห็นเพียงแค่ 5 ซม.เท่านั้น ทัศนวิสัยแทบจะไม่พอสำหรับการอ่านค่าตัวเลขต่าง ๆ จากอุปกรณ์ของพวกเราเลยด้วยซ้ำ และตอนนั้นผมทำงานได้เพียง 200 เมตรเท่านั้น เพราะผมไม่สามารถเข้าไปข้างในได้ และผมก็ตัดสินใจหันหลังกลับ ในระหว่างทางกลับนั้นผมพบกับทีมดำน้ำชาวอังกฤษ ที่ต่างก็ไม่มั่นใจว่าจะรายงานสถานการณ์ภารกิจช่วยเหลือนี้ “ไม่ปลอดภัย” ภายใต้สภาวะนี้หรือไม่

ความมุ่งมั่นอันแรงกล้าและหัวใจแกร่งของหน่วยซีล ช่วยดึงกำลังใจของนักดำน้ำกลับมา

“แต่วันถัดมาเราก็ได้ยินว่า ไม่ว่าอย่างไรเจ้าหน้าที่ทหารเรือจะพยายามต่อไป ด้วยอุปกรณ์ดำน้ำธรรมดาและประสบการณ์การดำน้ำในถ้ำอันน้อยนิด ผมตัดสินใจว่าผมจะพยายามต่อไป ซึ่งขัดกับคำแนะนำของนักดำน้ำชาวอังกฤษ ที่กำลังจะเก็บของกลับ”

“ในขณะเดียวกันก็เป็นที่น่าประหลาดใจเมื่อปริมาณน้ำลดลงและทัศนวิสัยดีขึ้น ทำให้สามารถมองเห็นได้กว่า 1 เมตร ในขณะที่หน่วยซีลกลับออกมาพร้อมกับภาวะที่เหมือนไร้สิ้นความหวัง ผมตัดสินใจลองอีกครั้งพร้อมกับคู่หูดำน้ำของผม มัคซัม โพเลจาคา เราพบอีก 1 ช่องทางและสามารถขึงเชือกได้ 200 เมตร บนเส้นทางที่ถูกต้อง ทุกสิ่งที่เกิดขึ้นนี้ทำให้นักดำน้ำชาวอังกฤษฮึดกลับมาสู้กับภารกิจนี้อีกครั้ง และติดตั้งไปได้ต่ออีกหลายร้อยเมตร”
“ถัดมาอีกวัน ด้วยความช่วยเหลือของแผนที่อายุ 30 ปีที่เขียน ขึ้่นมาโดยนักสำรวจชาวฝรั่งเศสและข้อมูลบอกใบ้จากนักธรณีวิทยาชาวอังกฤษ ทำให้เราสามารถสร้างการเชื่อมต่อเป็นตัว T เชื่อมอุโมงค์หลักกับช่องทางสู่พัทยาบีช แต่เชือกเราหมดก่อนจะถึงพัทยาบีชแค่เพียงไม่กี่ร้อยเมตร” เขากล่าว

เบนออกมาจากถ้ำก่อนที่จะได้พบกับเด็ก ๆ แต่เขาสัมผัสถึงทุกบรรยากาศเมื่อมีการประกาศว่าพบทั้ง 13 ชีวิตแล้ว

“หลังจากเราเชื่อมต่อในระยะสุดท้ายเสร็จแล้ว ทีมนักดำน้ำอังกฤษก็ได้กลับเข้าไปในถ้ำเพื่อเข้ายังโถงท้ายสุด ด้วยการว่ายออกไปห่างจากหาดพัทยาจนกระทั่งพบตัวเด็ก ๆในโถงสุดท้ายแห่งนั้น และได้ถ่ายวีดีโอเอาไว้และกลับออกมาบอกข่าวดี ตอนนั้นผมยังใส่ชุดดำน้ำอยู่เลยและอยู่ในจุดประจำการ ซึ่งสิ่งที่ผมสัมผัสและสามารถอธิบายได้คือ ผมมองเห็นกลุ่มคนที่โห่ร้องดีใจ บ้างก็ร้องไห้ด้วยความยินดี ผมสัมผัสได้ถึงความสุขที่แผ่ไปทั่วบริเวณ แม้แต่ท่านนายพลยังโผเข้ามากอดผม”

ภารกิจสุดหินและยากยิ่งกว่าคือการนำตัวเด็ก ๆ และโค้ชออกมาจากถ้ำอย่างปลอดภัย

“ความสำเร็จที่ผ่านมาถือเป็นขั้นตอนเล็ก ๆ แต่ต่อจากนี้ต่างหากที่นับว่าเป็นงานที่สำคัญที่สุด ในการที่จะพาเด็กออกมาอย่างปลอดภัย หลายประเทศได้ส่งทหารผู้เชี่ยวชาญพร้อมกับอุปกรณ์ หน้ากากครอบเต็มหน้า ระบบเครื่องมือสื่อสาร อาหาร และอื่นๆ แต่คำถามก็ยังคงอยู่ก็คือ “เราสอนเด็ก ๆ ดำน้ำไหม” (ในขณะที่พวกเขาว่ายน้ำไม่เป็นด้วยซ้ำ) และนำพวกเขาออกมาจากถ้ำที่มีความซับซ้อนและอันตราย หรือว่าจะหวังให้ฝนหยุดตกแล้วสูบน้ำต่อไป เพื่อจะพาพวกเขาลอยตัวออกมาด้วยเสื้อชูชีพ”

“และทางเลือกสุดท้ายคือให้เด็ก ๆ ต้องอยู่ในถ้ำ 3-4 เดือน รอจนกว่าฝนจะหยุด ตอนนี้เจ้าหน้าที่กองทัพเรือ 2 นายอาสาที่จะอยู่กับเด็ก ๆ พร้อมด้วยอาหารและยาที่เพียงพอจะอยู่ได้นานตลอดช่วงฤดูฝน มันคือความเสียสละที่น่านับถือเป็นอย่างยิ่ง”
เบนบอกอีกว่า ในขณะที่เขาเล่าถึงประสบการณ์ของเขากับภารกิจช่วยเหลือที่น่าอัศจรรย์นี้ หน่วยซีลได้เข้าไปตรวจเยี่ยมเด็ก ๆ ภายในถ้ำและทำการปฐมพยาบาล พร้อมให้อาหารชนิดพิเศษกับเด็ก ๆ เพราะร่างกายของพวกเขายังไม่สามารถย่อยอาหารทั่วไปได้ เนื่องจากไม่ได้กินอาหารมากว่า 10 วัน และยังไม่เห็นแสงสว่างมาตลอดระยะเวลาที่ติดอยู่ในถ้ำ

“ความหวังเรามีสูงมาก แต่ตอนนี้เรายังยืนอยู่ในจุดที่ไกลพอสมควรกับการจะนำเด็ก ๆ กลับออกมาสู่ภายนอก” เขากล่าว

 

 

แจ้งข่าว..คลิกที่นี่