จากนั้นจึงพร้อมด้วย พ.ต.อ.ธีรวัฒน์ เลี่ยมสุวรรณ ผกก.สภ.เมืองภูเก็ต, ร.ต.อ.หญิงวิภาวรรณ วัธนเงินทนง รอง สว.(สอบสวน) เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน พร้อมแพทย์ นิติเวชโรงพยาบาลวชิระภูเก็ต ลงพื้นที่ตรวสอบที่เกิดเหตุ
พบมือปืนรอมอบตัวในที่เกิดเหตุทราบชื่อ นายเวียน เอียดชูทอง หรือเม้ง อายุ 60 ปี หัวหน้าวินแท็กซี่บริเวณด้านหน้าสถานีขนส่งภูเก็ต ใกล้กันบริเวณรับฝากรถจักรยานยนต์หลังเคาน์เตอร์พบศพ นายประกอบ ชูทอง ถูกยิงด้วยอาวุธปืน ขนาด 9 มม. ที่บริเวณขมับด้านซ้ายทะลุศีรษะและบริเวณลำตัว 1 นัด ที่บริเวณเอวพบอาวุธปืนขนาด .38 สวมกางเกงยีนส์ขายาวสีน้ำเงิน สวมเสื้อกล้ามสีขาว ห่างจากจุดเกิดเหตุประมาณ 80 เมตร ด้านหน้าทางเข้าบขส.แห่งที่ 2 พบกองเลือดพร้อมปลอกกระสุนขนาด 9 มม.จำนวน 5 ปลอกที่พื้น ส่วนผู้ถูกยิง ทราบชื่อคือ นายยอด แซ่หลี ประธานสหกรณ์บริการรถยนต์รับจ้างบขส.ภูเก็ต ถูกยิงด้วยอาวุธปืนขนาดเดียวกัน 5 นัด เสียชีวิตระหว่างนำตัวส่งโรงพยาบาลวชิระภูเก็ต
พ.ต.อ.ธีรวัฒน์ กล่าวว่า จากการสอบสวนเบื้องต้น พบว่านายเวียนเคยเป็นห้วหน้าของผู้เสียชีวิตทั้ง 2 ราย โดยเป็นคิวแท็กซี่หน้าที่เกิดเหตุ ภายหลังนายยอดผู้เสียชีวิตรายที่ 2 ได้เป็นประธานสหกรณ์บริการรถยนต์รับจ้างบขส.ภูเก็ต จำกัด มีนายนายประกอบ ผู้เสียชีวิตรายแรกเป็นลูกน้อง โดยเบื้องต้นมีการขัดแย้งกันในเรื่องการประกอบการของสหกรณ์ และวินแท็กซี่ที่มือยิงดูแลอยู่ ซึ่งขณะเกิดเหตุนายเวียนผู้ก่อเหตุได้นั่งดื่มสุราดองอยู่ที่บริเวณวินแท็กซี่จนมึนเมา เมื่อได้จังหวะได้เดินอ้อมไปยังนายประกอบ ที่นั่งอยู่ภายในเคาน์เตอร์รับฝากรถ แล้วใช้อาวุธปืนยิงที่ลำตัว 1 นัด และยิงซ้ำที่ศรีษะอีก 1 นัด จนนายประกอบล้มลงตกจากเก้าอี้นอนเสียชีวิตคาทันที่อยู่ในบริเวณที่เกิดเหตุ
หลังจากนั้นนายเวียนผู้ก่อเหตุได้วิ่งออกไปหานายยอด ซึ่งนั่งอยู่บริเวณคิวรถแท็กซี่หน้า บขส. เมื่อนายยอดเห็นนายเวียนผู้ก่อเหตุวิ่งเข้าไปหา นายยอดจึงวิ่งหนีนายเวียนออกไปด้านข้างของอาคารบขส. นายเวียนเห็นนายยอดวิ่งไปด้านข้างจึงวิ่งอ้อมไปด้านหลังของ บขส.ไปสกัดดักหน้า นายยอดเห็นนายเวียนวิ่งมาดักหน้าจึงวิ่งกลับ แต่นายเวียนได้ใช้อาวุธปืนกระบอกดังกล่าวยิงรัวใส่นายยอดจำนวน 5 นัดจนล้มลงหมดสติ กระสุนปืนถูกศีรษะ 1 นัดถูกลำตัว 2 นัด และถูกขา 2 นัด เจ้าหน้าที่ได้ช่วยเหลือและนำส่งโรงพยาบาลวชิระภูเก็ต ก่อนจะเสียชีวิตในเวลาต่อมาดังกล่าว หลังเกิดเหตุเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานได้ตรวจสอบที่เกิดเหตุพร้อมถ่ายรูปเก็บวัตถุพยาน เพื่อเป็นหลักฐานในการดำเนินคดีตามกฎหมายไป
