นายธรรมรัศม์ กล่าวว่า จากการที่กรมการขนส่งทางบก กำหนดให้รถโดยสารประจำทางและรถโดยสารไม่ประจำทางทุกประเภท ยกเว้นรถโดยสารลักษณะสองแถว ติดตั้งระบบ GPS เชื่อมต่อสัญญาณกับศูนย์ GPS ของกรมการขนส่งทางบกและสำนักงานขนส่งจังหวัด เพื่อใช้ในการตรวจสอบความเร็วของรถ รวมถึงการตรวจจับการเดินรถในช่องทางเดินรถตามกฎหมายจราจรด้วยกล้องเลเซอร์
เมื่อพบว่ารถคันใดกระทำผิดด้วยการใช้ความเร็วเกินกว่าที่กำหนด หรือไม่เดินรถในช่องทางเดินรถด้านซ้าย นายทะเบียนของสำนักงานขนส่งจังหวัด ที่พบการกระทำผิดจะมีจดหมายไปยังผู้ประกอบการ ที่ได้รับใบอนุญาตของรถคันนั้นให้ไปพบ เพื่อชี้แจงข้อเท็จจริงและชำระค่าปรับ
“ในส่วนจีพีเอสปรับความเร็ว ถ้าเกิน 90 กิโลเมตรต่อชั่วโมง จะมีหนังสือแจ้งเตือนยังผู้ประกอบการของรถ และจะมีการปรับใบละ 1,000 บาท ในส่วนนี้การเสียค่าปรับเราเสียได้แต่เขาไปรวบยอดในการตรวจสภาพรถเพื่อต่อทะเบียน รวบยอดทั้งหมดกี่ใบต้องจ่าย ณ วันนั้น จึงสามารถต่อทะเบียนได้ ในส่วนนี้เห็นว่าเป็นการเอาเปรียบและเบียดเบียนผู้ประกอบการทั่วไป ขอให้พิจารณาการผ่อนปรนการจ่ายค่าปรับ และความเร็วที่สามารถเพิ่มความเร็วได้” นายธรรมรัศม์ กล่าว
“ปัจจุบันสภาพถนนดีกว่าอดีตจะมายึดความเร็ว 90 กม./ชม.ไม่ได้ ถ้าในเขตชุมชนเรายินดีทำตาม แต่ถ้าวิ่งทางไกล ความเร็ว 90 กม./ชม.คนขับหลับในแน่นอน ในส่วนให้รถวิ่งเลนซ้ายกับรถสิบล้อจะมีโอกาสเกิดอุบัติเหตุสูงมาก จึงขอให้พิจารณาในส่วนนี้ด้วย ขอให้ทางผู้ว่าและผู้มีอำนาจพิจารณาในส่วนกลาง ทางนายกสมาคมฯจะเข้าพบกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมในเรื่องนี้”
“การที่มายื่นหนังสือเพื่อให้รับทราบปัญหาความเดือดร้อน ที่เราหาเช้ากินค่ำ มาจับปรับใบละ 1,000 บาท แล้วมารวบยอดทีเดียว บางคนต้องขายรถเพราะสู้ค่าปรับไม่ได้” นายธรรมรัศม์ กล่าว
ด้านนายพิเชษฐ์ กล่าวว่า รับหนังสือดังกล่าวส่งต่อศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดภูเก็ต โดยจะมีการประชุมหารือในเรื่องนี้ในโอกาสต่อไป เนื่องจากเป็นเรื่องของกติกาถ้าจะร้องขอให้แก้กฎกติกานั้น ขอให้รอการแก้ปัญหาตามระเบียบที่ถูกต้อง ซึ่งต้องใช้ระยะเวลาดำเนินการพิจารณาต่อไป