รวบ 2 คนร้ายจี้ชิงทรัพย์มัดมือตระกร้าครอบหัวชายเยอรมัน อดีตบาร์เทนเดอร์ รปภ.ตกงาน

ภูเก็ต – วานนี้ (12 พ.ย.) เมื่อเวลา 17.30 น. ที่กองกำกับการสืบสวนสอบสวนตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต พล.ต.ต.รุ่งโรจน์ ฐากรปุญยสิริ ผบก.ภ.จว.ภูเก็ต พร้อมด้วย พ.ต.อ.ประวิทย์ เอ้งฉ้วน ผกก.สส.ภ.จว.ภูเก็ต และ พ.ต.อ. ธงชัย วิไลพรหม ผกก.2 บก.ทท.3 พ.ต.ท.รุ่งฤทธิ์ รัตนภัคดี รองผกก.สส.สภ.เมืองภูเก็ต ร่วมแถลงข่าวการจับกุมตัวคนร้ายจี้ชิงทรัพย์ขายชาวเยอรมันและภรรยาชาวไทย เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา

เอกภพ ทองทับ

วันพุธ ที่ 13 พฤศจิกายน 2562, เวลา 09:55 น.

เมื่อวันที่ 7 พ.ย. เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองภูเก็ต ได้รับแจ้งเหตุคนร้ายใช้อาวุธมีดบุกจี้ชิงทรัพย์ภายในบ้านชาวต่างชาติ ในพื้นที่ตำบลรัษฎา โดยผู้เสียหายรายงานว่าคนร้ายจำนวนสองคนได้ขู่บังคับเอาทรัพย์สิน ซึ่งเธอได้มอบบัตรกดเงินสดจำนวนสองใบ พร้อมรหัสรกดเงิน ก่อนที่คนร้ายจะหลบหนีออกไปทางบริเวณหลังบ้าน และภายหลังพบว่าเงินสดถูกกดออกไปแล้ว ส่วนสามีของเธอ ซึ่งเป็นชายสัญชาติเยอรมันอายุ 72 ปี ถูกมัดด้วยเทปพลาสติกสีดำ มีบาดแผลบริเวณแขนจากการต่อสู้ขัดขืนกับคนร้ายฉีกขาดยาวประมาณ 12 ซม.(คลิก)

ภายหลังเกิดเหตุ ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่สอบถาม นางสาวจุฑาภรณ์ ชูดำ อายุ 50 ปี ภรรยาของผู้บาดเจ็บ ทราบว่าเป็นเจ้าของบ้านอาศัยอยู่ที่บ้านหลังดังกล่าวกับสามี ก่อนเกิดเหตุเวลาประมาณ 10.30 น. ตนได้เดินทางออกจากบ้านไปทำธุระ และได้ปิดประตูหลังบ้าน หน้าบ้านเรียบร้อย ก่อนกลับมาเวลาประมาณ 17.00 น. เมื่อเปิดประตูเข้าไปในบ้านเห็นคนร้ายเป็นชายไทย รูปร่างผอมสูง พูดภาษไทยไม่ชัด ถืออาวุธมีดปลายตัดยาวคล้ายสปาร์ต้า ยาวประมาณ 70 ซม. และมีดปลายแหลมยาวประมาณ 30 ซม.อีก 1 ด้าม เข้ามาล็อคตัวของตนแล้วพาไปในห้อง ตนถามคนร้ายว่าสามีตนอยู่ไหน ขอไปดูหน้าหน่อย คนร้ายจึงเปิดประตูห้องให้ตนดูหน้าสามีเห็นคนร้ายใช้ตระกร้าครอบศีรษะเอาไว้ เมื่อเปิดตระกร้าออกเห็นคนร้ายใช้เทปกาวสีดำปิดปาก และใช้สก๊อตเทปสีดำมัดมือ ที่บริเวณแขนด้านซ้ายถูกฟันด้วยมีดสปาร์ตต้าเป็นแผลยาว บริเวณเก้าอี้และพื้นมีกองเลือดไหลนองพื้น

เธอเล่าต่อไปอีกว่า หลังจากนั้นได้เห็นคนร้ายใช้ผ้าขนหนูและกระดาษทิชชูไปปิดแผลของสามีของตน จากนั้นคนร้ายทั้งสองคน ลากตนไปในห้องซึ่งอยู่ติดกัน คนร้ายยืนคุมเชิงหน้าประตู 1 คน ส่วนอีกคนนั่งอยู่กับตนบนเตียงนอน คนร้ายได้เอามือมาวางไว้ที่หน้าขาของตน ตนได้พูดกับคนร้ายว่าอย่าทำอะไรตน ตนมีลูกมีสามีแล้ว จะเอาอะไรก็เอาไปเลยตนให้หมดทุกอย่าง จะเอาทอง จะเอาเงิน จะเอาโน๊ตบุ๊ค บัตรเอทีเอ็ม ถ้าต้องการก็เอาไปได้หมดเลย จากนั้นคนร้ายก็ได้บังคับเอาเงินสดจำนวน 2,000 บาท ซึ่งตนมีติดตัวอยู่เพียงเท่านั้น และบังคับให้ตนบอกรหัสเอทีเอ็ม ซึ่งภายในบัตรมีเงินอยู่หลายหมื่นบาท ด้วยความกลัวตนจึงบอกรหัสบัตรไปพร้อมกับบอกรหัสผ่านไปกับคนร้าย จากนั้นจึงขออนุญาตคนร้ายโทรเรียกรถพยาบาลมารับสามีที่บาดเจ็บ แต่คนร้ายบอกว่า ยังโทรไม่ได้ "พวกผมต้องถือฤกษ์ออกจากบ้านก่อน เดี๋ยวเวลา 17.40 น.ค่อยโทรหาเจ้าหน้าที่"

จากนั้นเมื่อได้ฤกษ์เวลา 17.40 น.ช่วงพลบค่ำ คนร้ายเดินออกทางหลังบ้านไป แล้วคนร้ายได้กดเงินสดจำนวน 5,100 บาท จากธนาคารกสิกรไทย สาขาหาดป่าตอง ไป ส่วนอีก 1 บัตรอีก 1 นั้นตนได้โอนเงินระบบบริการธนาคารทางโทรศัพท์ให้ลูกชายไปกว่าครึ่งแสน คนร้ายไม่สามารถกดเงินออกได้ หลังจากนั้นตนได้โทรแจ้งประสาน 191 ให้มารับสามีไปรักษาที่โรงพยาบาลกรุงเทพภูเก็ตดังกล่าว

พล.ต.ต.รุ่งโรจน์ กล่าวว่า หลังเกิดเหตุทางชุดสืบสวนได้ตรวจสอบที่เกิดเหตุ พบกระเบื้องหลังคาที่คนร้ายทุบจนแตกได้รับความเสียหายจำนวน 3 แผ่น แล้วโรยตัวเข้าไปในบ้าน จากนั้นก้ได้ลงพื้นที่สืบสวนอย่างต่อเนื่อง จนกระทั่งตามจับกุมคนร้ายที่ก่อเหตุมาได้ทั้งสองคน ประกอบด้วย นายมูญัดดีดี ดอเล๊าะ อายุ 27 ปี ชาว ต.บางปอ อ.เมือง จ.นราธิวาส อาชีพเป็นบาร์เทนเดอร์ในพื้นที่ตำบลป่าตอง ผู้ต้องหาตามหมายจับของศาลจังหวัดภูเก็ต ลงวันที่ 10 พ.ย. 62 ติดตามจับกุมได้ในพื้นที่ อ.ท่าแพ จ.สตูล และ นายโซเฟียน อาบ๋า อายุ 25 ปี ชาว จ.ยะลา อาชีพพนักงานรักษาความปลอดภัย ผู้ต้องหาตามหมายจับ ลงวันที่ 10 พ.ย. 62 จับกุมได้ที่บ้านเช่าแห่งหนึ่งใน ต.เกาะแก้ว อ.เมือง จ.ภูเก็ต จึงดำเนินคดีข้อหา “ร่วมกันชิงทรัพย์โดยมีอาวุธ และทำอันตรายสิ่งกีดกั้น สำหรับบุคคลหรือทรัพย์ หรือโดยผ่านสิ่งเช่นว่านั้นเข้าไปด้วยประการใด ๆ ในเคหะสถาน เป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับอันตรายแก่กายหรือจิตใจ โดยใช้ยานพาหนะเพื่อกระทำความผิด เพื่อการพาทรัพย์นั้นไป หรือเพื่อให้พ้นจากการจับกุม และร่วมกันพกพาอาวุธปืนไปในเมืองหมู่บ้านหรือทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุอันควร”

“ผู้ต้องหาให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหาว่าได้ก่อเหตุดังกล่าวจริง โดยอ้างว่าตกงานไม่มีเงิน จึงตัดสินใจลมือก่อเหตุดังกล่าว ซึ่งเหตุการณ์ลักษณะดังกล่าวไม่อยากให้เกิดขึ้นในจังหวัดภูเก็ต ไม่อยากจะมายืนแถลงแบบนี้ เพราะมายืนแถลงข่าวนั้นหมายความว่ามีเหตุเกิดขึ้น ผู้เสียหายในคดีนี้ และผู้เสียหายรายนี้เป็นชาวต่างชาติมาใช้ชีวิตยามเกษียณอายุที่ภูเก็ต” ผบก.ภ.จว.ภูเก็ต กล่าวเพิ่มเติม

“สำหรับมูลเหตุจูงใจในการกระทำความผิด คือ ตกงาน โดยผู้ต้องหารายแรกที่เป็นบาร์เทนเดอร์ให้การว่าทางร้านที่ทำอยู่ได้ได้ปิดตัวลงจึงตกงาน ส่วนคนที่สองเป็นรปภ. หมดสัญญาจ้างจึงตกงาน สรุปตกงานทั้งคู่ ตรวจสอบประวัติไม่พบประวัติติดยาเสพติดและต้องโทษ หรือกระทำความผิดมาก่อน ส่วนหลักฐานต่างๆที่ทำความผิดสามารถติดตามมาครบ เช่น รถคันที่ก่อเหตุ บัตรเอทีเอ็ม ฯลฯ เป็นต้น”

“ในวันเกิดเหตุผู้เสียหายต่อสู้คนร้ายได้จึงถูกมีดฟันที่แขนได้รับบาดเจ็บ เข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาลกรุงเทพภูเก็ต ซึ่ง ตำรวจท่องเที่ยวให้การดูแลประสานงานต่าง ๆ รวมทั้งขวัญกำลังใจทำให้ดีขึ้นมาเป็นปกติแล้ว ในเรื่องนี้ผู้บังคับบัญชา ผบ.ตร.,ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 8 ได้สั่งการให้จับกุมให้ได้โดยเร็วเนื่องจากภูเก็ตเป็นจังหวัดท่องเที่ยวที่สำคัญต้องมีการป้องกันไม่ให้เกิดในเมืองท่องเที่ยว จึงมีการบูรณาการร่วมนำสู่การจับกุมได้ในที่สุด และขอให้รายนี้เป็นรายสุดท้ายที่เกิดกับนักท่องเที่ยว” พล.ต.ต.รุ่งโรจน์ กล่าว

 

 

แจ้งข่าว..คลิกที่นี่