จากกรณี ช่วงกลางเดือนเมษายน 2568 ได้เกิดเหตุหนุ่มมิจฉาชีพวัย 29 ปีขับขี่รถจักรยานยนต์เอ็มสแลชสีดำ ทะเบียน 1 กฐ 4750 ภูเก็ต ทำทีมาสั่งข้าวที่ร้านเป็นเงิน 300 แล้วขอชาร์จมือถือ บอกว่าป้ามีเงินสด 700 ไหม เดียวจะให้เพื่อนโอนมาให้รวมเป็น 1,000 ก็คิดว่าคงจะไม่โกง ตนใจอ่อนจึงให้ไป แต่แล้วใช้จังหวะเผลอ ขับรถหนีไปเลย เหตุเกิดที่ร้านส้มตำ ถ.ดำรง ต.ตลาดใหญ่ อ.เมืองภูเก็ต ทราบว่า หนุ่มมิจฉาชีพรายนี้ออกตระเวนก่อเหตุตามร้านอาหารหลายแห่งในภูเก็ต และมีผู้เสียมาแจ้งความร้องทุกข์ไม่ต่ำกว่า 10 ราย หลังจากนั้นทางชุดสืบสวนเฝ้าติดตามมาโดยตลอด เนื่องจากหนุ่มรายนี้ไม่เข้าบ้านของตนเองและตระเวนเช่าห้องพักรายวันสลับหมุนเวียนไปเรื่อย
จนกระทั่งเมื่อเวลา 19.30 น. วันที่ 1 พ.ค. ชุดสืบสวนสภ.เมืองภูเก็ต ภายใต้การอำนวยการของ พ.ต.อ.ชาตรี ชูแก้ว ผกก.สภ.เมืองภูเก็ต พ.ต.ท.อรรถวัฒน์ สุวรรณรัตน์ รองผกก.สส.เมืองภูเก็ต นำโดย พ.ต.ต.กันต์ อักษรทอง สว.สส.สภ.เมืองภูเก็ต ร.ต.อ.ถาวร เฉ่งไล่ รองสว.ฯ ชุดสืบสวนสภ.เมืองภูเก็ต และชุดสืบสวนกก.สส.ภ.จว.ภูเก็ต ได้รับแจ้งจากสายลับว่า นายน็อต อายุ 29 ปี ได้มาเปิดห้องพักที่โรงแรมม่านรูดอยู่แถวถนนโกมารภัจจ์ ต.ตลาดใหญ่ อ.เมืองภูเก็ต หลังจากนั้นจึงเดินทางไปตรวจสอบที่ห้องหมายเลข 20 พบว่า ห้องปิดเงียบทางเจ้าหน้าที่ฯจึงให้สายลับเคาะประตูพร้อมเรียกชื่อ จากนั้นนายน็อต ได้เปิดประตูออกมา ทางเจ้าหน้าที่ฯจึงได้เข้าจับกุมและแสดงหมายจับศาลจังหวัดภูเก็ต ลงวันที่ 25 เม.ย.68 ในข้อหา ลักทรัพย์โดยใช้ยานพาหนะเพื่อสะดวกแก่การกระทำความผิดหรือพาทรัพย์นั้นไป และยึดรถจักรยานยนต์ที่ใช้ในการก่อเหตุจึงควบคุมตัวมายังห้องสืบสวน สภ.เมืองภูเก็ต
จากการถาม นายน็อต ให้การรับสารภาพว่า ตนจะตระเวนไปหลอกเงินพ่อค้าแม่ค้าตามร้านอาหารต่าง ๆ ในตัวเมืองภูเก็ตโดยทำทีว่า ไปสั่งข้าวราคาประมาณ 300 บาท หลังจากนั้นก็จะบอกเจ้าของร้านว่า มีเงินสดอีก 700 บาท และตนจะโอนคืน 1,000 บาท เมื่อตนได้เงินสดมาตนจึงได้รีบออกจากร้านไป และไม่โอนเงินคืนแต่อย่างใด และได้เงินมาก็จะนำไปซื้อยาไอซ์มาเสพ
อย่างไรก็ตาม ทางเจ้าหน้าที่ฯได้มีการตรวจปัสสาวะของผู้ต้องหา พบว่า เป็นสีม่วง จึงได้แจ้งข้อหาเพิ่มอีก 1 ข้อหา เสพยาเสพติด
ด้าน พ.ต.อ.ชาตรี ชูแก้ว ผกก.สภ.เมืองภูเก็ต สั่งการไม่ให้ประกันตัวในชั้นในชั้นตำรวจ และกำชับให้พนักงานสอบสวนคัดค้านการประกันตัว เพื่อไม่ให้ไปก่อเหตุซ้ำซากอีก
