พล.ต.ต.ธัชชัย กล่าวว่า สืบเนื่องจาก เมื่อเวลา 23.50 น.วันเกิดเหตุพนักงานสอบสวน สภ.วัฒนานคร จ.สระแก้ว ได้รับแจ้งว่า มีเหตุยิงกันที่บริเวณร้านเปิดขายอาหารตามสั่ง (ชื่อร้านสาลี่เมี่ยงปลาเผา) เลขที่ 340 หมู่ 12 ต.วัฒนานคร อ.วัฒนานคร จึงนำกำลังไปตรวจสอบ โดยที่เกิดเหตุเป็นอาคารห้องเช่าพบเพียงกองเลือด ส่วนคนเจ็บพลเมืองดีช่วยเหลือนำส่งโรงพยาบาลวัฒนานครและเสียชีวิตในเวลาต่อมา เนื่องจากทนพิษบาดแผลไม่ไหว ทราบชื่อ คือ ร.ท.เสมือนชาย เป็นทหารกองกำลังบูรพา ถูกยิงด้วยอาวุธปืนไม่ทราบขนาดเข้าตามร่างกายหลายแห่ง สอบสวนทราบชื่อ ผู้ก่อเหตุ คือ นายอุเทน จิตต์มั่น อายุ 62 ปี เจ้าของร้านเมี่ยงปลาเผา ซึ่งได้มาเปิดร้านอาหารดังกล่าวกับภรรยาได้ประมาณ 2 ปี แต่ระยะหลังต้องทำงานนอกบ้าน จนกระทั่งเกิดเหตุและได้หลบหนีไป
จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนจึงได้ รวบรวมหลักฐานและขออนุมัติศาลจังหวัดสระแก้วออกหมายจับนายอุเทนในข้อหา “ฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน และมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนไว้ในครอบครองและพาติดตัวไปในเมืองหมู่บ้านหรือทางสาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาต จากนายทะเบียนแห่งท้องที่ โดยไม่มีเหตุอันควรเข้าไปในเคหะสถานของผู้อื่น โดยมีอาวุธในเวลากลางคืน”
บรรยากาศระหว่างการสอบปากคำผู้ต้องหาเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา นายอุเทน กล่าวทั้งน้ำตาในช่วงก่อนเริ่มสอบปากคำต่อหน้าสื่อมวลชน พร้อมทั้งสอบถามถึงการเข้าถึงการรักษาโรคประจำตัวของตนคือโรคเบาหวาน ซึ่งทาง พล.ต.ต.ธัชชัย ก็ได้รับปากว่าไม่ต้องห่วง นายอุเทนสามารถรับการรักษาตามสมควรอย่างแน่นอน โดยผู้ต้องหาให้การสารภาพตลอดข้อกล่าวหากับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ อย่างไรก็ตามนายอุเทนระบุว่า ตนเองยอมรับสารภาพว่าเป็นคนลงมือฆ่า ร.ท.เสมือนชายจริงและพร้อมจะให้ความร่วมมือกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจแต่ไม่ขอเข้ามอบตัวกับเจ้าหน้าที่ทหาร เนื่องจากเกรงในเรื่องของความปลอดภัย เพราะผู้ตายเป็นถึงทหารกองกำลังบูรพา
นายอุเทน เล่าว่าตนเองเป็นคนลงทุนเปิดร้านอาหารดังกล่าว ในขณะเดียวกันก็ได้ซื้อรถเพื่อขับให้บริการลูกค้าในพื้นที่พัทยา โดยตลอดเวลาตนเองแต่งงานอยู่กินกับภรรยาตามปกติ โดยที่ไม่ได้แยกทางกันแต่อย่างใด และไม่มีเรื่องทะเลาะกันมาก่อน พร้อมทั้งเล่าย้อนถึงเหตุการณ์ก่อนวันเกิดเหตุว่าตนเองผิดสังเกตในตัวภรรยามาสักระยะแล้ว เพราะไม่อยากให้ตนกลับบ้านตนก็เกิดความสงสัย จนกระทั่งวันเกิดเหตุตนก็ได้โทรบอกภรรยาว่าตนจะกลับมาที่บ้าน แต่ภรรยาบอกว่าให้มาวันหลัง และนั่นก็ทำให้ตนยิ่งเกิดความสงสัยมากขึ้น และได้ขับรถตรงกลับบ้าน และมาพบว่าภรรยาอยู่กับผู้ตาย
“ผมส่งลูกค้าที่กรุงเทพฯประมาณ 3 ทุ่ม ผมโทรบอกภรรยาว่าผมจะกลับบ้านนะ เขาว่าวันนี้ยังไม่ต้องไว้มาวันหลัง ผมก็สงสัย มาถึงบ้านเห็นเขานอนกอดกันผ่านบานเลื่อน” นายอุเทน กล่าว
ผู้ต้องหาเล่าต่ออีกว่า หลังจากที่ผู้ตายเห็นตนก็ได้พลิกตัวและหยิบปืนขึ้นมายิงตนเอง แต่ยิงไม่ออก ตนเห็นเช่นนั้นจึงได้ยิงออกไป 2 นัด พร้อมทั้งอ้างว่าเดิมทีไม่ได้คิดที่จะยิง เพียงคิดว่าจะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาถ่ายรูปไว้เป็นหลักฐานเอาผิดทางวินัย
อย่างไรก็ตาม นายอุเทนเล่าต่อว่า หลังจากที่ยิงออกไป 2 นัดแรกถูกข้างลำตัวของร.ท.เสมือน ทำให้ล้มลงที่ข้างเตียง จากนั้น ร.ท.เสมือนก็ยกปืนขึ้นมายิงตนอีกครั้ง ทำให้ต้องยิงออกไปอีก 2 นัด รวมทั้งสิ้น 4 นัด ซึ่งทาง พล.ต.ต.ธัชชัย ระบุว่า ผู้ตายถูกกระสุนยิงเข้ารวม 3 นัด หลังเกิดเหตุจึงได้นำรถไปจอดไว้ที่ อ.พนัสนิคม จ.ชลบุรี ก่อนจะนั่งรถต่อไปยัง อ.แปดริ้ว จ.ฉะเชิงเทรา ต่อเนื่องไปยังกรุงเทพมหานคร
พล.ต.ต.ธัชชัย กล่าวว่า หลังเกิดเหตุเจ้าหน้าที่ตำรวจฝ่ายสืบสวนก็ได้ติดตามข่าวมาตลอด กระทั่งทราบว่าผู้ต้องหาซื้อตั๋วที่สายใต้มายังภูเก็ต จากนั้นจึงได้ประสานมายัง ภ.จว.ภูเก็ต และทราบว่าเข้าพักที่โรงแรมรัษฎา ถ.เทพกระษัตรี ค.รัษฎา โดยเดินทางมาถึงภูเก็ตเมื่อเช้าวานนี้ (29 ต.ค.) ก่อนเข้าทำการจับกุมตัวภายในโรงแรมที่พักในเวลา 15.30 น. พร้อมรับตัวผู้ต้องหาไปดำเนินคดีในท้องที่เกิดเหตุต่อไป
“ผมไม่รู้จะไปทางไหน รู้เพียงว่าต้องหนีเอาตัวรอดก่อน ถ้าผมยังอยู่ในเขตทหารผมรู้ตัวว่าผมตกอยู่ในอันตรายแน่นอน ผมไม่เคยมาภูเก็ต ไม่มีคนรู้จักที่ภูเก็ต ผมอยากจะมอบตัวแต่ไม่ใช่ในเขตทหาร” นายอุเทนกล่าว
รายงานเพิ่มเติม : จุฑารัตน์ เปลรินทร์