ซึ่งนอกจากการต่อว่าเจ้าหน้าที่แล้ว ยังมีภาพขณะที่คุณลุงคนดังกล่าวทำร้ายเจ้าหน้าที่พยาบาลบริเวณเคาน์เตอร์หน้าห้องฉุกเฉิน และยังเดินเข้าไปหาเจ้าหน้าที่ซึ่งหลบเข้าไปในห้องฉุกเฉิน เพื่อจะทำร้ายอีกรอบ โดยมีเจ้าหน้าโรงพยาบาลและญาติห้ามปราม ก่อนที่จะแยกย้ายกันไป
นายแพทย์วีระศักดิ์ กล่าวว่า คลิปภาพดังกล่าวเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นบริเวณหน้าห้องฉุกเฉินของโรงพยาบาลจริง โดยชายที่ปรากฏภาพในคลิปเป็นญาติของผู้ป่วยหญิงวัย 35 ปี รายหนึ่ง ที่เข้ามารับการรักษาภายในห้องฉุกเฉินของโรงพยาบาล
โดยญาติให้ประวัติว่า ขณะนั้นนั่งดื่มสุราด้วยและผู้ป่วยมีอาการเกร็ง และเมื่อมาถึงโรงพยาบาลเจ้าหน้าที่เปลก็รับตัวจากรถซึ่งญาติเป็นคนขับมาส่ง และได้รับการคัดกรองจากพยาบาลที่หน้าห้องฉุกเฉิน จากนั้นก็ส่งผู้ป่วยเข้าไปในห้องฉุกเฉิน ขณะเดียวกันที่มีปัญหาคือ หลังส่งตัวผู้ป่วยเข้าไปในห้องฉุกเฉินแล้วก็ให้ญาติไปทำบัตรผู้ป่วย และเมื่อญาติกลับมาก็จะขอเข้าไปในห้องฉุกเฉิน แต่เจ้าหน้าที่ไม่อนุญาต เนื่องจากขณะนั้นมีญาติซึ่งเป็นผู้หญิงเข้าไปแล้ว 1 ท่าน แต่ผู้ชายที่อยู่ในคลิปไม่ยอมและจะขอเข้าไปให้ได้ จึงมีการถกเถียงกับเจ้าหน้าที่บริเวณจุดคัดกรองหน้าห้องฉุกเฉินดังกล่าว โดยเหตุที่ไม่ยินยอมให้ชายในคลิปเข้าไปในห้องฉุกเฉินเนื่องจากขณะนั้นภายในห้องฉุกเฉินค่อนข้างแน่นมาก มีผู้ป่วยวิกฤต (สีแดง) ประมาณ 4 ท่าน มีผู้ป่วยใส่ท่อช่วยหายใจ และผู้ป่วยที่ต้องช่วยในภาวะวิกฤตอยู่ และการจะอนุญาตให้ญาติเข้าไปนั้น กรณีแพทย์ต้องการข้อมูลเพิ่มเติม หรือผู้ป่วยที่วิกฤตจริง ๆ และต้องดูแลอย่างใกล้ชิด”
นายแพทย์วีระศักดิ์ กล่าวว่า เหตุที่เกิดขึ้นเพราะญาติไม่พอใจ และการใช้วาจาดังปรากฎในคลิป นอกจากนี้ยังใช้กำลังกับเจ้าหน้าที่ด้วย โดยทำร้ายร่างกายด้วยการตบหน้า ซึ่งไม่ได้เป็นภาพข่าวหรือปรากฏในคลิป แต่เป็นภาพที่ปรากฎในกล้องวงจรปิดของโรงพยาบาล จากนั้นเจ้าหน้าที่ซึ่งไม่ได้ตอบโต้ก็เดินหลบเข้าไปในห้องฉุกเฉิน และญาติคนดังกล่าวยังเข้าไปภายในห้องฉุกเฉิน โดยพยายามยกเก้าอี้ฟาดเจ้าหน้าที่รายดังกล่าวซ้ำแต่ทางญาติที่มาด้วยกันเข้าห้ามไว้ได้ทัน
ซึ่งเจ้าหน้าที่คนดังกล่าวได้เข้าแจ้งความดำเนินคดีกับชายคนดังกล่าวแล้ว ในฐานทำร้ายร่างกาย โดยทางโรงพยาบาลให้เจ้าหน้าที่รายนี้หยุดงานก่อนเป็นเวลา 3 วัน เพื่อพักฟื้นสภาพจิตใจ และจากการตรวจสอบประวัติเจ้าหน้าที่รายนี้ที่ผ่านมาก็ไม่พบการร้องเรียนเรื่องการปฎิบัติหน้าที่แต่อย่างใด
อย่างไรก็ตาม รองผู้อำนวยการ กล่าวด้วยว่า ส่วนกรณีที่มีการระบุว่าเจ้าหน้าที่ใช้คำพูดที่ไม่เหมาะสมจนเป็นทำให้เกิดเปตุการณืดังลก่าวขึ้นนั้น ก็จะได้มีการสอบสวนหาสาเหตุที่แท้จริงอีกครั้ง และยินดีที่จะรับฟังหลักฐานจากผู้อยู่ในเหตุการณ์ทุกคน ซึ่งจากเหตุการณ์ครั้งนี้ก็ยอมรับว่า ปัญหาอาจจะเกิดขึ้นมาจากความล้มเหลวด้านการสื่อสารระหว่างเจ้าหน้าที่พยาบาลกับญาติผู้ป่วย
ทั้งนี้ ทางโรงพยาบาลน้อมรับปัญหาที่เกิดขึ้นและยินดีจะปรับปรุงแก้ไขป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์ในลักษณะนี้ขึ้นอีก รวมทั้งจะได้หามาตรการในการแก้ปัญหาเรื่องการสื่อสารระหว่างเจ้าหน้าที่กับญาติ เพื่อให้ลดความกังวลในระหว่างที่รอ รวมทั้งอยากขอร้องว่า หากมีการพูดจาไม่เหมาะสมของเจ้าหน้าที่ก็ขอให้มีการร้องเรียนหรือแจ้งผู้บริหารเพื่อจะได้มีการแก้ปัญหาและไม่ควรที่จะใช้ความรุนแรง