“หากท่านใช้ชีวิตอยู่ในภูเก็ตตอนนี้ ท่านจะเห็นว่าทุกอย่างเกือบเป็นปกติ ไม่ว่าจะไปเดินห้าง การออกกำลังกายในฟิตเนส หรือจะไปนั่งผับนั่งบาร์ เวลาเปิดปิดก็เปิดปกติตามที่กฎหมายอนุญาต แต่เมื่อเรามีมาตรการผ่อนคลายแบบนี้ ในขณะที่โรคติดต่อยังระบาดอยู่ เราก็มีมาตรการที่ควบคู่ไปด้วย เพื่อเฝ้าระวังไม่ให้มีการระบาดอีกครั้ง” นายปิยพงศ์ กล่าว
รองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต 5 ประการสำคัญ ในการดำเนินการเฝ้าระวังและรับมือโควิด-19 ซึ่งรวมถึงการสุ่มตรวจแรงงานต่างด้าว เนื่องจากสถานการณ์การเมืองของประเทศเมียนมา ที่อาจส่งผลให้มีการเคลื่อนย้ายคนเข้ามาในพื้นที่จังหวัดภูเก็ต
“ประการแรกเรื่องบุคคล ตัวเราเองต้องมีจิตสำนึก ตามที่ ศบค.พูดทุกวันคือการปฏิบัติตามมาตรการป้องกันโรคโควิด - 19 (D-M-H-T-T) ซึ่งนี้เป็นความรับผิดชอบส่วนบุคคลที่ต้องมี และหากท่านเดินทางเข้ามาในภูเก็ต ขอให้บวก Go Phuget เข้าไปอีก 1 ข้อ ส่วนจังหวัดอื่น ๆ ก็ต้องเป็นไปตามมาตรการของแต่ละจังหวัด”
“ข้อที่สองสถานประกอบการ การอนุญาตให้เปิดแบบนี้ เมื่อเรานึกถึงสถานประกอบการที่ใดมีความเสี่ยงบ้าง สถานที่ที่ทางสาธารณสุขกังวลก็คือ สถานที่ที่คนมีโอกาสเข้าไปรวมกัน เช่น ผับ บาร์ ตลาด ห้างสรรพสินค้า ร้านสะดวกซื้อ เพราะที่เหล่านี้คือมีคนต่างกลุ่มเข้าไปรวมกัน และเราไม่รู้ที่มาที่ไป เพราะฉะนั้นในส่วนของสถานประกอบการ เราต้องขอความร่วมมือติดตั้ง “ไทยชนะ” เอาไว้ ให้คนสแกนก่อนเข้า”
ในขณะเดียวกันหน่วยงานของรัฐเองจะมีการเฝ้าระวังอย่างเข้มข้นและต่อเนื่อง
“ทางสาธารณสุขมีแผนที่จะเข้าไปตรวจในผับ บาร์ โดยจะสุ่มตรวจพนักงาน ซึ่งผับบาร์ถือเป็นอันดับ 1 ที่ต้องเฝ้าระวัง นอกจากนี้จะมีการออกไปสุ่มตรวจแรงงานต่างด้าวอีกครั้งหนึ่ง แม้ในตอนนี้จังหวัดภูเก็ตได้มีการตรวจกันครบทั้งจังหวัดแล้ว และถือว่านิ่งแล้ว แต่พอเวลาผ่านไปสักระยะเราก็จะมีการสุ่มตรวจกันอีกครั้ง” นายปิยพงศ์ กล่าว
ประการที่ 4 รองผู้ว่าฯ ได้กล่าวถึงการเคลื่อนคนเข้ามาในจังหวัดภูเก็ต จากสถานการณ์การเมืองในประเทศเพื่อนบ้าน
“ด้วยสถานการณางการเมืองของเพื่อนบ้านเราที่เราทราบกันดี อาจจะส่งผลให้มีการเคลื่อนย้ายเข้ามายังบ้านเราได้ ตรงนี้ทาง สสจ.ก็ได้เตรียมการเฝ้าระวังและเตรียมการตั้งรับ บวกกับมาตการสุ่มตรวจที่ได้นำเรียน ก็จะเข้าไปตรวจแรงงานต่างด้าวให้มากขึ้น ให้กระจายกลุ่มให้มากขึ้น และเฝ้าระวังในระดับที่สูงขึ้น”
ประการสุดท้ายที่รองพ่อเมืองภูเก็ตได้กล่าวถึงก็คือ การประชาสัมพันธ์สื่อสารข้อมูลไปให้ถึงประชาชนทุกคนให้ได้ เพื่อทุกคนจะได้รู้แนวทางปฏิบัติไปในทิศทางเดียวกัน
“ขอให้ไม่ว่างเว้นจากการสื่อสาร ที่จะต้องมีการเชื่อมต่อไปยังประชาชนทุกคนให้ได้ ทุกคนจะได้รู้ว่านาทีนี้ไม่ใช่เหตุการณ์ที่เป็นปกติ 100% ถึงแม้จะมีการผ่อนคลาย แม้จะใช้ชีวิตได้อย่างปกติก็จริง แต่ท่านอย่าหลงลืมว่าเราอยู่ท่ามกลางการระบาดของโรค ที่เรายังต้องระวังตัวให้ดีอยู่” นายปิยพงศ์ กล่าว
