รองอธิบดี ทช. เตือนเลี่ยงสัมผัสคราบน้ำมันก้อนน้ำมันหาดภูเก็ตโดยตรง แนะล้างด้วยน้ำมันพืช

ภูเก็ต - รองอธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งและคณะลงพื้นที่จังหวัดภูเก็ต ชี้แจงข้อมูลกรณีตรวจพบคราบน้ำมันและก้อนน้ำมัน บนชายหาดพื้นที่จังหวัดภูเก็ต และพื้นที่ใกล้เคียงแนะเจ้าหน้าที่ และประชาชนสวมถุงชนิดหนาในการเก็บคราบน้ำมัน

ข่าวภูเก็ตประชาสัมพันธ์หน่วยงานรัฐ

วันพุธ ที่ 9 สิงหาคม 2566, เวลา 15:06 น.

เมื่อวันที่ 8 ส.ค. 66 เวลา 08.30 น. ที่ห้องประชุมมุขหลังชั้น 4 ศาลากลางจังหวัดภูเก็ต นายอำนวย พิณสุวรรณ รองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต ให้การต้อนรับ ดร.พรศรี สุทธนารักษ์ รองอธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งและคณะ ในโอกาสเดินทางมาเข้าพบเพื่อชี้แจงกรณีตรวจพบคราบน้ำมันและก้อนน้ำมัน (Tar Balls) บนชายหาดพื้นที่จังหวัดภูเก็ต และพื้นที่ใกล้เคียง

ดร.พรศรี กล่าวว่า สถานการณ์ภาพรวมของคราบน้ำมันที่เกิดขึ้นตั้งแต่วันที่ 2 ส.ค. โดยพบที่จังหวัดพังงา และมาจนถึงจังหวัดภูเก็ต และวันที่ 6 ส.ค. พบบริเวณเกาะราชาใหญ่ โดยคราบน้ำมันพบตั้งแต่บริเวณทางตอนเหนือลงมาทางตอนใต้ สิ่งที่กังวลคือกรณีมีคราบน้ำมันที่เหลือในพื้นที่บริเวณอ่าว และคราบน้ำมันที่อยู่บริเวณชายหาดมาก ๆ จะมีผลกระทบต่อสิ่งมีชีวิต

โดยจากการลงพื้นที่ตามชายหาดต่าง ๆ พบว่ายังคงมีคราบน้ำมันขนาดเล็ก ๆ อยู่เป็นจำนวนมาก ทั้งนี้กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง ได้จัดทำศึกษาโมเดลแบบจำลองแหล่งที่มาของคราบน้ำมัน กระแสคลื่นลมมรสุม และการไหลผ่านขึ้นฝั่งของคราบน้ำมัน คาดว่า แหล่งกำเนิดของน้ำมัน อยู่ห่างจากชายฝั่งในระยะ 80-90 ไมล์ทะเล จากฝั่งตะวันออกของเกาะภูเก็ต ทั้งนี้จากการคาดการณ์พบว่าพื้นที่ที่คราบน้ำมันไหลผ่าน อาจจะส่งผลกระทบต่อพื้นที่แนวปะการังในพื้นที่จังหวัดพังงาและภูเก็ตรวม 4,000 ไร่ ซึ่งหลังจากนี้เจ้าหน้าที่กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง จะให้ได้มอบหมายให้เจ้าหน้าที่ไปตรวจสอบ เพื่อประเมินค่าความเสียหายต่อไป โดยข้อมูลที่มีสอดคล้องกับข้อมูลของกรมเจ้าท่า ซึ่งในส่วนของกรมเจ้าท่าจะไปดำเนินการในการหาข้อเท็จจริง และค้นหาผู้กระทำผิดตามกระบวนการกฎหมาย

อย่างไรก็ตาม ขณะนี้จะต้องเร่งเก็บคราบน้ำมันที่ถูกเครื่องซัดขึ้นมาบริเวณชายหาดให้เร็วที่สุด จากรายการรายงานข้อมูลเบื้องต้นพบว่า ในพื้นที่อุทยานแห่งชาติสิรินาถสามารถเก็บคราบน้ำมันได้ประมาณ 2 ตัน และที่เกาะราชาประมาณ 1 ตัน แนวทางการเก็บคราบน้ำมันขอแนะนำให้เจ้าหน้าที่จะต้องใช้ถุงมือยางชนิดหนาหรือ ถุงมือทางการแพทย์ หลีกเลี่ยงการสัมผัสโดยตรง หากประชาชนหรือนักท่องเที่ยวสัมผัสขอให้ล้างด้วยน้ำมันพืช

ด้านนายอำนวย กล่าวว่า กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง จะต้องเร่งหาข้อมูลในการวิเคราะห์เพื่อหาแนวทางในการแก้ปัญหา ในส่วนของจังหวัดภูเก็ตจะเร่งประชาสัมพันธ์ สร้างความรู้ความเข้าใจ ให้กับประชาชนและนักท่องเที่ยวในพื้นที่ พร้อมสั่งการหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งชุมชนท้องที่ท้องถิ่นจะต้องลงพื้นที่เข้าไปดูแลพี่น้องประชาชน และนักท่องเที่ยว โดยให้หน่วยป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยลงพื้นที่ไปดูแล ในการกำจัด คราบน้ำมัน และให้คำแนะนำกรณีนักท่องเที่ยวและประชาชน สัมผัสกับคราบน้ำมัน การล้างคราบน้ำมันด้วยน้ำมันพืช โดยหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะต้องเร่งสรุปข้อมูล หากพื้นที่ใดยังมีภาวะวิกฤตปริมาณคราบน้ำมันจำนวนมากจะต้องเร่งจัดการโดยเร็วที่สุด

 

 

แจ้งข่าว..คลิกที่นี่