เมื่อเวลา 16.00 น.วันที่ 13 มิ.ย.ที่ร้านทองห้างทองทิพย์ 2 ตลาดเกษตร อ.เมือง จ.ภูเก็ต น.ส.จุฑามาส ทรงพระ อายุ 39 ปี และ นส.ธนิษฐา พราหมอนงค์ อายุ 26 ปี พนักงานขายซึ่งเป็นตัวแทนเจ้าของร้าน นำสร้อยทองปลอมรวมน้ำหนักกว่า 212.44 บาท มูลค่า (ความเสียหาย) กว่า 3,611,500 ล้านบาท ซึ่งเป็นของกลางที่กลุ่มคนร้ายนำมาหลอกขายฝากในร้านทองห้างทองทิพย์ 3 สาขา (อ่านเพิ่มเติม คลิก) ออกมาให้ดู พร้อมเปิดเผยขั้นตอนของคนร้าย และวิธีการตรวจสอบทอง เพื่อเป็นการเตือนภัยให้กับผู้ประกอบการร้านจำหน่ายทองรูปพรรณในจังหวัดภูเก็ตและจังหวัดอื่นๆระมัดระวัง
โดยพฤติกรรมขณะที่กลุ่มคนร้ายนำทองปลอมมาหลอกขายว่า กลุ่มคนร้ายได้นำสร้อยคอที่มีลักษณะคล้ายสร้อยคอทองคำตามปกติมาให้ตนเองตรวจสอบ โดยต้องการจะขาย ซึ่งเมื่อดูผิวเผินจะเหมือนสร้อยคอทองคำทั่วไปหรือเรียกว่า ทองเกรดเอบวกและมีตรายี่ห้อร้านทุกอย่าง ตะขอก็เป็นตะขอทองคำปกติ ทุกอย่างเลยดูเหมือนทองรูปพรรณจริงทุกอย่าง
และเมื่อกลุ่มคนร้ายรู้ว่าคนขายหรือตนเองดูไม่ออกว่าเป็นทองปลอม จากนั้นคนร้ายจะถอดสร้อยทองคำปลอมที่สวมใส่อยู่ที่คอออกมาอีก 1 เส้น เพื่อขาย รวมกัน ซึ่งที่ผ่านมาทางร้านจะตรวจสอบทองปลอมตลอด แต่ครั้งนี้ทองปลอมดังกล่าวมีการใช้เนื้อทองคำหล่อหลอมหุ้มกับโลหะอื่นๆหลายชั้น ดูจากภายนอกก็คือทองคำตามปกติ และเมื่อเผาไฟตรวจสอบ สร้อยคอก็ยังปรากฎเป็นเนื้อทองคำเหมือนทองรูปพรรณทั่วไป แต่เมื่อมาขูด หรือตะไบที่ตัวสร้อย ครั้งแรก ครั้งที่ 2 และครั้งที่ 3 ยังคงเป็นเนื้อทอง แต่เมื่อครั้งที่ 4 เริ่มเห็นสีเงินข้างในโลหะ จึงนำทองรูปพรรณดังกล่าวส่งให้ช่างทำทองตรวจสอบอย่างละเอียด โดยช่างทำทองยังคงใช้เวลาเดียวกันกับพนักงานขายด้วยการเผาและขูด ทองรูปพรรณดังกล่าวก็ยังปรากฏเป็นเนื้อทองคำปกติ แต่เมื่อใช้วิธีขูดตะไบกลับพบเป็นโลหะสีเงินโผล่ออกมา จึงแน่ใจว่าเป็นทองปลอม
ทั้งนี้ของกลางที่เป็นสร้อยคอทองคำปลอมที่ทางร้านห้างทองทิพย์เก็บรวบรวมไว้มีเป็นจำนวนมากกว่า 50 เส้น ซึ่งพนักงานระบุว่า กลุ่มคนร้ายจะเวียนและสลับหน้ากันมา เพื่อนำสร้อยคอทองคำปลอมมาทำทีจำนำหรือขายกับพนักงานแต่ละคนของร้าน เพื่อไม่ให้พนักงานเอะใจหรือจำพิรุธได้ ซึ่งบางวันมีการนำสร้อยคอทองคำปลอมมาจำนำหลายเส้น โดยมีน้ำหนัก 2 บาท 4 บาท หลายเส้นในวันเดียว สิ่งที่กลุ่มคนร้ายทำทองปลอมได้แนบเนียนมากที่สุดคือ สร้อยแต่ละเส้นจะมีตราสัญลักษณ์ของร้านทองชื่อดังในประเทศ บางเส้นมีตราสัญลักษณ์ของโรงงานทำทองคำที่ทางร้านรับมาจำหน่าย จึงเชื่อว่าเป็นทองคำทั่วไป รวมไปถึงเปอร์เซ็นต์ของทองคำติดอยู่ที่ห่วงหรือตะขอตามปกติ ซึ่งที่ผ่านมาทองปลอมมักจะไม่มีตราสัญลักษณ์ของห้างทองหรือเปอร์เซ็นต์ของทอง
ด้าน นส.ธนิษฐา พนักงานขายอีกรายระบุเพิ่มเติมว่า ทองที่คนร้ายนำมาขายฝากนั้นทราบว่า มีช่างทองทำให้ในราคาบาทละ 12,000 บาท โดยมีที่มาจากภาคกลาง ทำให้มีความเหมือนเป็นพิเศษ ขอให้ร้านทองช่วยกันตรวจสอบและเฝ้าระวัง เมื่อรับขายฝากทองรูปพรรณ โดยย้ำว่าวิธีอื่นที่ใช้ตรวจสอบไม่ได้ผลยกเว้นแต่จะขูดตะไบหลายๆครั้ง พร้อมขอให้ตรวจสอบทองที่รับไว้ตั้งแต่ช่วงต้นปีที่ผ่านมา ซึ่งอาจจะตกเป็นเหยื่อแก็งค์ 18 มงกุฏมาบ้างก็เป็นได้ และทั้งนี้ขอให้ความเชื่อมั่นกับลูกค้าว่า ทองรูปพรรณที่รับขายฝากทั้งหมดทางร้านไม่ได้นำมาจำหน่ายแต่ จะส่งไปที่สาขาใหญ่เพื่อตรวจสอบ จึงเชื่อมั่นได้ว่าจะไม่มีการปลอมปนของทองปลอมที่จำหน่ายเด็ดขาด
หลังการเปิดเผยรายละเอียด พนักงานขายทั้งสองได้เดินทางไปยังสภ.เมืองภูเก็ต เพื่อพบกับ พ.ต.ต.หญิง นุชจรี ล่องแก้ว สารวัตร (สอบสวน)สภ.เมืองภูเก็ต เจ้าของคดี เพื่อนำทองรูปพรรณน้ำหนัก 2 บาท อีก 1 เส้นที่ตรวจสอบพบเพิ่มเติมได้ว่าเป็นทองปลอมที่กลุ่มคนร้ายนำมาขายฝากไว้ในราคา 34,000 บาท เมื่อเดือนเมษายน พร้อม ภาพวิดิโอจากกล้องวงจรปิดของทางร้าน ไปให้เพื่อดำเนิคดีเพิ่มเติม
ซึ่ง พ.ต.ต.หญิง นุชจรี ล่องแก้ว สารวัตร (สอบสวน)สภ.เมืองภูเก็ตเปิดเผยว่า ผู้ต้องหา 6 ราย ก่อนหน้าที่ถูกจับกุมตัว ประกอบด้วย 1.น.ส.ประคอง หรือ คอง รัตนประทุม อายุ 36 ปีชาวจ.ชัยภูมิ 2. นายบุญเทียร หรือเทียร ขอนสงเคราะห์ อายุ 43 ปี ชาว จ.ชัยภูมิ 3.น.ส.สุภาพ หรือภาพ ดำดิน อายุ 40 ปี ชาว จ.อุดรธานี 4.น.ส.คนึงรัตน์ หรือ จ๋อม หาญกำแพง อายุ 25 ปี ชาว จ.มหาสารคาม 5.นาย พิสิษฐ์ หรือเฟิร์ส เสริมทรง อายุ 42 ปี ชาว จ.อุดรธานี และ 6. นาย อาทิตย์ หรือบี กองจร อายุ 28 ปี ชาว จ.ขอนแก่น ทั้งหมดได้ถูกส่งตัวเนินคดีตามกฏหมาย
ส่วนผู้ร่วมขบวนการอีก 3 คนที่ก่อเหตุ และยังหลบหนี คือ น.ส.อุไรวรรณ นายวัชรบดินทร์ และนายอานนท์ นั้น ล่าสุดทราบว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจสภ.เกาะสมุยสามารถจับกุมตัวได้แล้ว 1 ราย คือ น.ส.อุไรวรรณ ซึ่งก่อเหตุในลักษณะเดียวกัน ซึ่งเจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างประสานข้อมูลว่าใช่คนเดียวกันหรือไม่ ส่วนที่เหลืออีก 2 รายอยู่ระหว่างติดตามตัว รวมถึงจะตรวจสอบภาพวงจรปิดเพิ่มเพื่อดูว่ามีผู้ร่วมขบวนการเพิ่มเติมอีกหรือไม่ หากมีก็จะดำเนินการตามขั้นตอนต่อไป