นิวยอร์กไทมส์ รายงานว่า อิวังกา ทรัมป์ และจาเร็ด คุชเนอร์ ซึ่งเป็นบุตรสาวและบุตรเขยของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐนั้น หลีกเลี่ยงความเสี่ยงเรื่องผลประโยชน์ทับซ้อนได้ยาก หากยังคงเกี่ยวข้องกับการทำธุรกิจหลายแขนง ทั้งที่ดำรงตำแหน่งในรัฐบาล
ทั้งนี้ ทำเนียบขาวเปิดเผยบัญชีทรัพย์สินของคณะรัฐมนตรีและบุคคลที่เกี่ยวข้อง ซึ่งรวมถึงอิวังกาที่เป็นผู้ช่วยประธานาธิบดี และคุชเนอร์ ที่ปรึกษาอาวุโสของทรัมป์ โดยทั้งคู่ยังคงได้ประโยชน์จากธุรกิจอสังหาริมทรัพย์และการลงทุนอื่นๆ รวมราว 740 ล้านเหรียญสหรัฐ (ราว 2.54 หมื่นล้านบาท) ซึ่งรายงานระบุว่า คุชเนอร์ได้ลาออกจากตำแหน่งต่างๆ ในธุรกิจที่เกี่ยวข้องกว่า 200 ตำแหน่งแล้ว ทว่ายังคงเป็นผู้รับประโยชน์จากธุรกิจอยู่
โนอาห์ บุคบินเดอร์ กรรมการบริหารของกลุ่มพลเมืองเพื่อความรับผิดชอบและจริยธรรมในวอชิงตัน กล่าวว่า ทรัมป์อาจได้รับเอกสิทธิ์คุ้มครองทางกฎหมายในฐานะประธานาธิบดี ทว่าเอกสิทธิ์นี้ไม่ได้รวมถึงลูกสาวและลูกเขยด้วย
อย่างไรก็ดี เจมี กอเรลิค อดีตผู้ช่วยรัฐมนตรียุติธรรม ระบุว่า กรณีของคุชเนอร์ไม่เข้าข่ายผลประโยชน์ทับซ้อน เนื่องจากเป็นผลประโยชน์ที่เกิดจากอสังหาริมทรัพย์เป็นหลัก
ขณะที่ ริชาร์ด เพนเตอร์ อดีตผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมายจริยธรรมของทำเนียบขาวสมัยประธานาธิบดี จอร์จ ดับเบิลยู บุช กล่าวว่า ปัญหาผลประโยชน์ทับซ้อนขึ้นกับการตีความทางกฎหมาย ซึ่งแต่ละฝ่ายต่างก็มีการตีความที่ต่างกันมาก และทางเลี่ยงอย่างหนึ่งก็คือต้องไม่เข้าไปเกี่ยวข้อง เช่น การแก้กฎหมายภาคการเงินดอดด์แฟรงก์ เนื่องจากคุชเนอร์เป็นลูกหนี้ของธนาคารใหญ่หลายแห่ง