มีม้าทรงทั้งชายและหญิงเข้าร่วมจำนวนมาก ตลอดเส้นทางยังคงมีประชาชนและนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างชาติออกมารอชมขบวนแห่พระ รวมทั้งมีประชาชนชาวภูเก็ตที่มีอาคารบ้านเรือนหรือสำนักงานตั้งอยู่ตามเส้นทางพระผ่านก็ได้มีการตั้งโต๊ะบูชารับขบวนพระแห่ผ่านและมีการจุดประทัดต้อนรับด้วย
โดยม้าทรงของศาลเจ้าหล่อโรง ยังคงใช้อาวุธที่เป็นเหล็กแหลม หัวมณฑล มีดดาบ กิ่งต้นระกำ เคี่ยวดายหญ้า ในการทิ่มแทงที่กระพุ้งแก้ม ซึ่งอาวุธที่ใช้ส่วนใหญ่เป็นอาวุธที่ใช้อยู่ในตำนาน และนอกตำนาน
ในส่วนวันนี้ยังคงมีพิธีกรรมต่างๆ ที่แต่ละศาลเจ้าจัดขึ้น เช่น ศาลเจ้ากะทู้ ศาลเจ้าบางเหนียว ศาลเจ้าหล่อโรง ศาลเจ้ายกเค่เก้ง ศาลเจ้าสะปำ และศาลเจ้าอื่นๆ ที่จัดให้มีพิธีข้ามสะพานสะเดาะเคราะห์เพื่อความเป็นสิริมงคล ส่วนศาลเจ้ากะทู้ จัดให้มีพิธีลุยไฟ
อย่างไรก็ตาม ในค่ำวันเดียวกันนี้ตั้งแต่เวลา 22.00 น. แต่ละศาลเจ้าที่เข้าร่วมประเพณีถือศีลกินผักปีนี้จะมีการประกอบพิธีส่งองค์ยกฮ่องซ่งเต่ (พระอิศวร) และองค์กิ้วฮ๋องไต่เต่ (องค์เก้าราชัน) โดยการประกอบพิธีส่งพระนั้นมักจะส่งกันที่หน้าเสาโกเต้ง ก่อน 5 ทุ่ม มีการส่งองค์กิ้วฮ๋องไต่เต่กลับสวรรค์ ณ บริเวณปลายแหลมสะพานหิน เมื่อขบวนส่งพระออกพ้นประตู ไฟทุกดวงในศาลเจ้าจะดับสนิท และปิดประตูใหญ่ สำหรับในคืนส่งพระนั้นจะมีผู้คนออกมารอรับขบวนพระแน่นถนนสองข้างทางที่ขบวนแห่พระผ่าน เพื่อร่วมพิธีส่งพระ และพื้นที่ตัวเมืองภูเก็ต ก็จะถูกปกคลุมไปด้วยเสียง และควันจากประทัด และในวันพรุ่งนี้ ( 24 ต.ค.) ตั้งแต่เวลา 16.00 น. เป็นต้นไป แต่ละศาลเจ้าจะมีการประกอบพิธีลงเสาโก้เต้ง เพื่อเป็นการสิ้นสุดการถือศีลกินผักในปีนี้
