พ.ต.ท.รุ่งฤทธิ์ กล่าวว่า จากกรณีเมื่อวันที่ 27 เม.ย. เวลาประมาณ 17.20 น. มีคนร้ายเป็นชาย 3 คนขับขี่ จยย.ยี่ห้อยามาฮ่า นูโวมายังวัด ก่อนจะเดินขึ้นไปที่บริเวณโบสถ์ของวัดก่อนที่ทุบตู้เงินบริจาคของญาติโยม จำนวน 500 บาทแล้วหลบหนีไป หลังจากนั้นทางเจ้าหน้าที่ได้หลักฐานจากกล้องวงจรปิดจึงนำไปสู่การสืบสวนจนสมารถจับกุมคนร้ายทั้ง 3 คนได้ที่บริเวณที่พักคนงานใกล้กันกับวัดเขารังฯ ที่เกิดเหตุ ทราบชื่อคือ นายยา ลิน นิง อายุ 18 ปี, นายคยาว คยาว เพียว อายุ 22 ปี และนาย ออง มยัท ซอว์ อายุ 19 ปี พร้อมหลักฐานเป็นรถจักรยานยนต์ เสื้อผ้า-หมวกที่สวมใส่ในวันก่อเหตุ โดยผู้ต้องหาทั้งหมดให้การรับสารภาพว่าได้ก่อเหตุจริง เนื่องจากวันนั้นไม่มีเงินที่จะกินข้าว พร้อมทั้งได้กล่าวขอโทษกับพุทธศาสนิกชนทั้งหลายที่กระทำการดังกล่าวด้วย
นอกจากนี้ ยังพบหลักฐานว่าคนร้ายหวังจะขโมยพระเกศทองคำพระประธานมูลค่ากว่าล้านบาท แต่ถือเป็นความโชคดีที่ไม่สามารถเอาไปได้
ในวันเกิดเหตุ พระครูบรรพตสารธรรม เจ้าอาวาสวัดเขารังสามัคคีธรรม เปิดเผยว่า “ปกติตู้บริจาคจะนำมาเก็บทุกสัปดาห์ ขณะเกิดเหตุนั้นทางวัดเปิดโบสถ์ให้ประชาชนและนักท่องเที่ยวเข้ามากราบไหว้พระในโบสถ์เป็นประจำทุกวันซึ่งจะปิดประมาณ 20.00 น. ทุกวัน จนกระทั่งเมื่อวันที่เกิดเหตุเจ้าหน้าที่ของวัดจะทำการปิดโบสถ์ตรวจสอบความเรียบร้อยจึงเห็นว่าตู้บริจาคถูกทุบกระจกขโมยเงินบริจาคจึงแจ้งอาตมา”
เจ้าอาวาสระบุว่า เกิดเหตุการณ์งัดตู้บริจาคที่วัดหลายครั้ง
“วันรุ่งขึ้น (28 เม.ย.) อาตมาจึงเข้ามาตรวจสอบและพบว่ารอบฐานพระประธานกลับพบร่องรอยคนร้ายปีนขึ้นไปที่องค์พระพุทธมุกมณีศรีสุนทร ซึ่งเป็นพระประธานภายในโบสถ์ ซึ่งพระเกศทำด้วยทองคำบริสุทธิ์ น้ำหนัก 50 บาท พร้อมด้วยพลอยอีกจำนวนหนึ่งมูลค่ามหาศาล เฉพาะทองคำมูลค่าก็กว่าล้านบาท ถ้าคนร้ายขโมยไปเป็นเรื่องที่ร้ายแรงมาก เพราะกระจกใต้ฐานพระได้ถูกเปิดแล้วแต่คนร้ายน่าจะทำอะไรไม่ได้ หรืออาจจะมีคนมาพอดีทำให้คนร้ายไม่กล้าที่จะขโมย นับว่าเป็นโชคดีเป็นอย่างมาก” พระครูบรรพตสารธรรม กล่าว
อย่างไรก็ตาม ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ตั้งข้อกล่าวหา “ร่วมกันลักทรัพย์” พร้อมส่งตัวให้พนักงานสอบสวนดำเนินคดีตามกฎหมาย