สืบเนื่องจาก นพ.บุญเลิศ ศรีไพโรจน์กุล ตำแหน่ง นายแพทย์ชำนาญการพิเศษ รพ.วชิระภูเก็ต ได้โพสต์ข้อความลงบนเฟซบุ๊กส่วนตัว MrBoonlert Sripairojkul พร้อมภาพถ่ายเลขบัญชีรับบริจาค และข้อความถึงปัญหาที่กำลังประสบเกี่ยวกับ “กล้องจุลศัลยกรรม หรือ กล้องไมโครสโคป” ซึ่งเป็นอุปกรณ์สำคัญที่ใช้ในการผ่าตัดสมอง กระดูกสันหลัง และงานต่อหลอดเลือด ที่มีอายุเก่าแก่ถึง 17 ปี เพราะใช้มาตั้งแต่ปี 2545 ที่ผ่านมามีการซ่อมแซมมาตลอด แต่เนื่องด้วยเป็นเครื่องรุ่นเก่า อะไหล่จึงหายากและมีราคาแพง แต่ทางแพทย์ก็ต้องจำทนใช้กันมาท่ามกลางสภาวะความกดดัน และโฟกัสที่ไม่ได้ประสิทธิภาพเท่าที่ควร ซึ่งเครื่องมือดังกล่าวมีมูลค่าสูง รุ่นเล็กราคา 18 ล้านบาท และรุ่นใหญ่ราคาอยู่ที่ 23 ล้านบาท เพราะฉะนั้นการซื้อเครื่องใหม่จึงจำเป็นต้องรอไปก่อน
โพสต์ดังกล่าวได้รับความสนใจจากคนเป็นจำนวนมาก แต่ต่อมา นพ.บุญเลิศ ก็ได้ทำการแก้ไขโพสต์นั้น มีข้อความบางส่วนระบุว่า “กล้องผ่าตัดทางสมองของเราใช้มาแค่เกือบยี่สิบปีแล้ว เริ่มรวน เกเร บ่อย ๆ คิดทางบวกว่าดีเหมือนกัน พังเมื่อไรจะได้สบายเสียที ไม่ต้องผ่ารีเฟอร์อย่างเดียว ผมได้รับการร้องขอให้ลบโพสต์ออก ผมจึงขอแก้ไขข้อความบางส่วนและเอารูปบัญชี รพ ออกไป และให้รอเงินบริจาคจากการวิ่งของพี่ตูน(อนาคต รมต สาธารณสุข ฮาา) ในเดือนตุลาคมทางฝั่งอันดามันเสียก่อน (อ่านเพิ่มเติม คลิก) เพื่อความให้เกิดสบายใจของทุกๆ ฝ่ายนะครับ อย่างไรก็ตามขอเรียนด้วยความจริงใจว่า รพ.ใกล้บ้านของท่านอาจมีความต้องการเครื่องไม้เครื่องมือที่สำคัญ ที่ใช้ช่วยชีวิตผู้คนในจังหวัดของท่าน วันสำคัญใดๆก็ตามเช่นวันคล้ายวันเกิด วันครบรอบแต่งงาน วันพระ ท่านอาจเจียดปัจจัยส่วนเกินของท่านทำบุญ ให้ รพ.ประจำจังหวัดของท่านบ้างนะครับ ขออนุโมทนาบุญ และผมได้ทำหน้าที่ของผมแล้ว” นพ.บุญเลิศ กล่าว
นายแพทย์เฉลิมพงษ์ กล่าวแสดงความขอบคุณ ที่ทางผู้เกี่ยวข้องได้ให้เกียรติมาเยี่ยมและทราบปัญหาในวันนี้ ภายหลังจากที่ได้มีการพูดถึงปัญหาดังกล่าวในโลกโซเชียล ซึ่ง ผอ.รพ.วชิระภูเก็ตยอมรับว่าเครื่องมีการเสื่อมสภาพจริง ซึ่งในช่วงเดือนสองเดือนที่ผ่านมาก็ได้แสดงอาการให้เห็นว่าไม่สามารถซ่อมให้ใช้งานได้อีกต่อไป ทางทีมแพทย์จึงมีความกังวลเป็นอย่างมาก จึงต้องโพสต์ผ่านเฟซบุ๊กเพื่อขอรับเงินบริจาคทำให้ทราบถึงผู้ใหญ่ในกระทรวงสาธารณสุข จนทำให้เกิดมีการประชุมในวันนี้ เพื่อให้การจัดหาครุภัณฑ์ดังกล่าวเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและรวดเร็ว พร้อมที่จะรองรับผู้ป่วยในเขตจังหวัดอันดามัน โดยไม่ต้องส่งต่อไปยังโรงพยาบาลที่มีศักยภาพสูงกว่า เนื่องจากโรงพยาบาลมีแพทย์เฉพาะทางที่มีความชำนาญเฉพาะพร้อมอยู่แล้ว
“รพ.วชิระภูเก็ตเป็นโรงพยาบาลศูนย์ในฝั่งดอันดามัน รองรับผู้ป่วยอย่างน้อย 4 จังหวัดอันดามัน ได้แก่ ภูเก็ต กระบี่ พังงา และระนอง มีคนไข้ต่อวันประมาณ 2,200 - 2,400 คนต่อวัน ขณะนี้จังหวัดภูเก็ตมีภาวะวิกฤต เรื่องครุภัณฑ์การแพทย์(กล้องผ่าตัดจุลศัลยกรรมประสาทพร้อมชุดถ่ายทอดสัญญาณภาพความละเอียดสูง) มีการใช้งานอย่างหนักและชำรุดลงไม่สามารถใช้ผ่าตัดผู้ป่วยได้ โรงพยาบาลจึงต้องจัดหาครุภัณฑ์การแพทย์ที่ขาดแคลนเร่งด่วน เพื่อที่จะใช้ผ่าตัดผู้ป่วยที่มีภาวะเส้นเลือดในสมองแตก/ตีบ เส้นประสาท เนื้องอกในสมอง ฐานกะโหลก หมอนรองกระดูกคอ และเอวเคลื่อน ฯลฯ” นายแพทย์เฉลิมพงษ์ กล่าว
ทางด้านนายเรวัตร กล่าวว่า หลังจากที่ตนเห็นที่หมอบุญเลิศโพสต์ลงไปในสื่อออนไลน์ ตนก็ได้ประสานไปยังกระทรวงสาธารณสุข ซึ่งทางการะทรวงฯก็มีได้รับทราบปัญหาและมีความความกังวล และจากการพูดคุยกันประมาณ 5 นาทีผู้ใหญ่ใน สธ.ก็เข้าใจ และจะทำการจัดส่งงบประมาณจำนวน 10 ล้านบาท มาให้ทางโรงพยาบาลภายในอาทิตย์หน้านี้ ส่วนที่เหลือให้ทาง รพ.เป็นผู้จัดหามาสมทบ โดย รมว. และ รมช. ช่วยว่าการกระทรวงสาสุข มอบหมายให้ตนเข้าร่วมประชุมร่วมหารือกับปลัดกระทรวงฯจัดสรรงบประมาณ ในการซื้อเครื่องผ่าตัดสมองอย่างเร่งด่วน กระทั่งได้มีการจัดงานแถลงข่าวต่อสื่อมวลชนในวันนี้
นายเรวัตรกล่าวอีกว่า ทางกระทรวงฯขอให้ทางรพ.จัดซื้อจัดจ้างอย่างถูกระเบียบ และขอให้ใช้เครื่องอย่างมีประสิทธิภาพและคุ้มค่า เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุด แก่พี่น้องประชาชนในพื้นที่ฝั่งอันดามันและผู้เข้ารับบริการทุกคน
ผอ.รพ.วชิระภูเก็ตระบุอีกว่า ในฐานะที่เป็นโรงพยาบาลศูนย์จึงมีความจำเป็นที่จะต้องให้การรักษาคนไข้ แม้จะเกินขีดความสามารถและจำนวนผู้มาใช้บริการมากกว่าที่ควรจะเป็น อ้างอิงจากทะเบียนราษฎร์ของจังหวัดภูเก็ต เพราะฉะนั้นภาระในการรักษาจึงตกเป็นของทางโรงพยาบาลทั้งหมด เนื่องจากเป็นโรงพยาบาลรัฐซึ่งแสวงหาผลกำไร แต่ก็ต้องให้บริการผู้ที่เข้ามารับบริการอย่างเต็มที่ทุกราย
ในขณะเดียวกัน นพ.บุญเลิศ ก็ได้โพสต์ขอบคุณ รัฐมนตรีกระทรวงสาธารณสุข, รัฐมนตรีช่วยฯ, ปลัดกระทรวงฯ ที่ได้มอบหมายให้นายเรวัติ เป็นผู้ประสานกับทางโรงพยาบาล เพื่อหาวิธีดำเนินการจัดหากล้องผ่าตัดจุลยศัลยกรรมทางระบบประสาท “ผมขอขอบพระคุณทุกท่านแทนชาวบ้านฝั่งอันดามันด้วยความจริงใจ” พร้อมทั้งแสดงความขอบคุณผู้ที่ร่วมบริจาคให้กับทางโรงพยาบาลวชิระภูเก็ตอีกด้วย